svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

พาณิชย์เปิดผลศึกษาเอฟทีเอไทย-อียู

21 พฤศจิกายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดผลศึกษาผลกระทบจากการจัดทำเอฟทีเอไทย-อียู ชี้หากมีการลดภาษีนำเข้าของทั้งสองฝ่ายทุกรายการ จะช่วยดันจีดีพีไทยเพิ่ม 1.63% ส่งออกเพิ่ม 3.43% นำเข้าเพิ่ม 3.42% ลงทุนเพิ่ม 2.74% แถมช่วยเพิ่มแต้มต่อแข่งกับประเทศที่ทำเอฟทีเอกับอียูแล้วได้

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรมอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยเรื่อง"ผลกระทบจากการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป"ที่ได้ร่วมมือกับสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี) ทำการศึกษาโดยพบว่า การทำเอฟทีเอไทย-อียู โดยการลดภาษีนำเข้าสินค้าทุกรายการของทั้งสองฝ่ายจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทยเพิ่มขึ้น 1.63%อัตราเงินเฟ้อลดลง 0.41% การส่งออกเพิ่มขึ้น 3.43% การนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.42%การลงทุนเพิ่มขึ้น 2.74% ตลอดจนตัวเลขด้านเศรษฐกิจอื่นๆ เช่นสวัสดิการสังคมเพิ่มขึ้น 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ การบริโภคครัวเรือนเพิ่มขึ้น1.32% และจำนวนคนจนลดลง 3.9 แสนคน เป็นต้น


สำหรับในด้านการส่งออกสาขาที่คาดว่าไทยจะได้ประโยชน์ เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องแต่งกายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เคมีภัณฑ์ ยาง และพลาสติก เป็นต้นส่วนสาขาที่คาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบจากการนำเข้า และต้องเตรียมการปรับตัว เช่นน้ำตาล ผัก ผลไม้ และเมล็ดถั่ว เป็นต้นและยังมีประเด็นด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยารักษาโรค และพันธุ์พืช ซึ่งเป็นข้อกังวลหลักของภาคประชาสังคมที่จะต้องเตรียมการรับมือด้วย


นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่า การฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียูซึ่งหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2557จะช่วยเพิ่มโอกาสขยายตลาดของสินค้าที่ไทยมีศักยภาพท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนจากการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าของคู่ค้าไทยหลายประเทศและยังสามารถช่วยเพิ่มแต้มต่อทางการแข่งขันของไทยที่หายไป เมื่อเทียบกับประเทศที่มีเอฟทีเอกับอียูแล้วเช่น เวียดนาม สิงคโปร์ และบราซิล เป็นต้น


อย่างไรก็ตามเนื่องจากเอฟทีเอที่อียูทำกับประเทศต่างๆ มีมาตรฐานสูงทั้งในส่วนการเปิดตลาดสินค้า บริการและการลงทุน ตลอดจนประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการค้า เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การแข่งขันทางการค้าทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ เป็นต้น หากไทยจะฟื้นการเจรจาจะต้องพิจารณาเตรียมความพร้อมและการช่วยเหลือเยียวยาอย่างรอบคอบ

"ขณะนี้การศึกษาได้ดำเนินมาจนถึงช่วงสุดท้าย คือการจัดสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาและรับฟังความเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนาก่อนที่ไอเอฟดีจะนำเสนอผลการศึกษาฉบับเต็มต่อกรมฯ ต่อไป และหลังจากนั้น กรมฯจะนำผลการศึกษาเผยแพร่ทางเว็บไซต์กรมฯ www.dtn.go.th"

logoline