"สสจ.อำนาจเจริญ" สั่งย้าย "หมอ – พยาบาล" เซ่นปมฉาว! แย่งห้องผ่าตัดโรงพยาบาล

โดยนายแพทย์ประภาส วีระพล สสจ.อำนาจเจริญ พร้อมด้วย ผอ.โรงพยาบาลอำนาจเจริญ คณะกรรมการโรงพยาบาลอำนาจเจริญ ได้มีการประชุมเร่งด่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิปและเป็นกระแสข่าวอยู่ในตอนนี้ พร้อมทั้งยังได้เชิญแพทย์หญิงและนางพยาบาลที่อยู่ในคลิปเข้ามาพูดคุยและเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย

ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปบันทึกภาพหรือสังเกตการณ์ได้แต่อย่างใด ให้รออยู่แค่เพียงภายนอกเท่านั่น โดยการประชุมในครั้งนี้เป็นไปอย่างเคร่งเครียด ใช้เวลาในการประชุมนานร่วมกว่า 3 ชั่วโมง ทีมข่าวที่ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ไปขอทราบผลการประชุม ก็ปรากฏว่าการประชุมได้เสร็จสิ้นแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ต่างพากันแยกย้ายกลับ โดยไม่ยอมให้ข้อมูลหรือผลสรุปเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้กับผู้สื่อข่าวทราบแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากดูสถานการณ์จากการประชุมแล้ว คาดว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของพฤติกรรมของหมอและพยาบาลที่อยู่ในคลิปดังกล่าว และดำเนินการตามระเบียบของทางโรงพยาบาลต่อไป

ล่าสุดในเวลาต่อมาเฟซบุ๊ก คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ สภาการพยาบาล ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...
"ห้องผ่าตัด รพ.อำนาจเจริญ ถ้าคุณพร้อม สภาการพยาบาลก็พร้อม" จากนั้นมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลาม โดยบอกว่าการกินหัวคิวของหมอในการผ่าตัดทำคลอดของโรงพยาบาลต่างๆ มีมานานแล้ว จนเป็นที่วิพากษ์จารณ์ว่า เรื่องนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน กับผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ทั้งสูตินรีแพทย์เจ้าของเคสที่ถูกแทรกคิว และสูตินรีแพทย์ที่แทรกคิวผ่าตัด รวมถึงพยาบาลที่ถูกกระทำ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ยืนยันว่าปกติทุกโรงพยาบาลมีระเบียบการใช้ห้องผ่าตัดอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น มาจากการไม่ปฏิบัติตามกฎ

นพ.ประภาส กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทราบว่าห้องผ่าตัดคลอดปกติ คือห้องผ่าตัด 5 สำหรับแผนกสูติ และห้องผ่าตัดฉุกเฉิน 7 ที่ทุกแผนกสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีการสื่อสาร ทำความเข้าใจกัน และนำเคสอื่นมาแทรกในห้องที่วางไว้สำหรับเหตุฉุกเฉิน เมื่อแทรกมาเข้าย่อมเกิดความไม่พอใจ อย่างไรก็ได้มีการย้ายผู้เกี่ยวข้อง โดยให้พยาบาลที่ถูกกระทำย้ายจากห้องผ่าตัดมาอยู่แผนกผู้ป่วยนอก ส่วนหมอสูติที่ทะเลาะและมีปากเสียงให้มาอยู่ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป