ฟาร์มไก่ของส.ส ปารีณาเป็นประเด็นเพราะว่า ถ้าดูจากภาพถ่ายดาวเทียม จะเห็นได้ว่ามีสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นโรงเลี้ยงไก่ ลุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าที่เป็นภูเขา มีคนเปรียบเทียบว่า เป็นน้องๆบ้านป่าแหว่ง ที่เชียงใหม่
แต่ พื้นที่บริเวณเดียวกัน ยังคงเป็นที่ถกเถียงอยู่ว่าเป็นป่าสงวน หรือ เป็นที่ของสปกกันแน่ จึงเป็นที่มาที่ทำให้ต้องมีการรังวัดร่วมกันของ 2 หน่วยงานที่ถูกเลื่อนไปในวันนี้
ส.ส.ปารีณายืนยันมาโดยตลอดว่า ที่ดินทั้ง 1,700 ไร่เป็นที่ดินสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เราพยายามหาคำอธิบายเรื่องนี้ด้วยการสอบถามจากชาวบ้านในพื้นที่
ผู้ชายคนนี้อายุ 78 ปี ไร สสัลเอี่ยม เกิดและโตในหมู่ที่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี มาตลอดชีวิต ที่ดินที่อาศัยอยู่ก็ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ เป็นที่ดินที่อยู่ติดกับ 1,700 ไร่ของเอ๋ปารีณา
เขาเล่าให้เราฟังว่า ครอบครัวของสส.ปารีณา ซื้อที่ดินจากชาวบ้านหลายราย ตนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เคยขายที่ไป 160 ไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ มีแต่ใบเสียภาษีบำรุงท้องที่
แม้บ้านของครอบครัวสลัดเอี่ยม จะอยู่ติดกับถนน แต่ก็ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ เพราะสำนักงานที่ดิน ไม่ยอมออกโฉนดให้เนื่องจากอยู่ในเขตป่าสงวน จะต้องรออนุมัติให้เป็นป่าเสื่อมโทรมจึงจะนำมาออกโฉนดได้
ท่ามกลางการถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นพันไร่ของสส.ดังเมืองราชบุรี ในพื้นที่เดียวกันยังมีชาวบ้านตัวเล็กๆ ที่ยังตกหล่นเรื่องการพิสูจน์สิทธิ์ หากมีการรังวัดที่ดินเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ของสสปารีณาในครั้งนี้ก็ควรจะใช้โอกาสนี้แก้ปัญหาให้กับชาวบ้านในตำบลรางบัวไปด้วยกันทั้งหมด เพื่อประโยชน์ส่วนรวม