คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงกระแสข่าวการส่งต่อข้อมูลทางสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนอิสลามศึกษา โดยยืนยันว่า ไม่ใช่นโยบายจากตน และเรื่องนี้มีความสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ
ซึ่งคนที่นำข้อมูลไม่เป็นจริงไปเผยแพร่ในโซเชียลเป็นเรื่องที่น่าตำหนิมาก ขณะนี้กำลังให้หน่วยงานต่างๆตรวจสอบว่าเกิดขึ้นจากใครและอย่างไร เพราะข้อมูลที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ในโยบายหรือไม่ใช่การตั้งหลักสูตรอะไร แต่เป็นงานปกติที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. จะสำรวจทุกๆต้นปีงบประมาณ เกี่ยวกับจำนวนโรงเรียนที่สอนอิสลามศึกษา ซึ่งถ้ามีเกินจำนวน 25 คนก็จะมีการจ้างคนมาสอนเพิ่ม
โดยประเด็นนี้ สพฐ. มีการชี้แจงรายละเอียดไปแล้ว ซึ่งผลสำรวจพบว่ามีเพียง 350 โรงเรียนเท่านั้นแต่เมื่อมีการนำประกาศหรือรายงานไปใช้ในทางที่บิดเบือน ถือว่าน่ารังเกียจและเป็นสิ่งที่อันตรายกับประเทศ จึงให้เจ้าหน้าที่ นำเรื่องไปยื่นที่กองทัพบกเพื่อให้ช่วยดูในแง่ของความมั่นคง
เนื่องจากจุดประสงค์ทำให้เกิดความแตกแยกของศาสนา ซึ่งมีความละเอียดอ่อนมากและไม่มีใครทำกัน โดยประเทศไทยทุกศาสนาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันมาโดยตลอดอีกทั้งทุกศาสนาก็สอนให้คนเป็นคนดี
ดังนั้นก็ขอย้ำว่า ไม่มีนโยบายหรือไม่มีหลักสูตรสอนเด็กไทยพุทธเรียนอิสลามศึกษาแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อประมาณปี 2550 หรือ 2552 ก็เคยมีเหตุการณ์คล้ายๆกันเกิดขึ้นมาแล้ว และครั้งนี้ถือเป็นการนำมาทำให้เกิดซ้ำอีก ทั้งที่เป็นการปฎิบัติหน้าที่ปกติของ สพฐ.
เมื่อถามว่า การถูกโจมตีแบบนี้ รู้สึกอย่างไร และจะบอกกับสังคมอย่างไร
คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า เรื่องพวกนี้ตนได้ก้าวข้ามไปแล้ว คนที่ทำสิ่งไม่ดีคงไม่มีความสุข แต่เราอยู่บนความจริง ทำสิ่งที่ดีและกำลังใจก็ยังดีอยู่เสมอ น่าสงสารคนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมือง นำเรื่องศาสนาซึ่งเป็นเรื่องของความเชื่อและอ่อนไหวมาโจมตีโดยไม่มีเหตุผล
ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายติดตามอยู่ ซึ่งพอจะระแคะระคายแล้ว หากพบตัวก็ต้องถูกลงโทษ แล้ววันนี้จะมีเจ้าหน้าที่ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่ดูแลเรื่องเฟคนิวส์ ด้วย