svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

คุณหญิงกัลยา ย้ำชัด ไม่มีนโยบายให้เด็กไทยพุทธเรียนอิสลามศึกษา

07 พฤศจิกายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยืนยัน ไม่มีนโยบายให้เด็กไทยพุทธเรียนอิสลามศึกษา แจงนี่คือเหตุเกิดซ้ำ เพราะ 10 ปีก่อนก็เคยเกิดแล้ว ทั้งที่ สพฐ. ทำงานตามปกติ พร้อมระบุฝ่ายกฎหมายพอรู้ตัวคนทำ ต้องถูกลงโทษแน่นอน

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงกระแสข่าวการส่งต่อข้อมูลทางสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนอิสลามศึกษา โดยยืนยันว่า ไม่ใช่นโยบายจากตน และเรื่องนี้มีความสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ 
ซึ่งคนที่นำข้อมูลไม่เป็นจริงไปเผยแพร่ในโซเชียลเป็นเรื่องที่น่าตำหนิมาก ขณะนี้กำลังให้หน่วยงานต่างๆตรวจสอบว่าเกิดขึ้นจากใครและอย่างไร เพราะข้อมูลที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ในโยบายหรือไม่ใช่การตั้งหลักสูตรอะไร แต่เป็นงานปกติที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. จะสำรวจทุกๆต้นปีงบประมาณ เกี่ยวกับจำนวนโรงเรียนที่สอนอิสลามศึกษา ซึ่งถ้ามีเกินจำนวน 25 คนก็จะมีการจ้างคนมาสอนเพิ่ม 
โดยประเด็นนี้ สพฐ. มีการชี้แจงรายละเอียดไปแล้ว  ซึ่งผลสำรวจพบว่ามีเพียง 350 โรงเรียนเท่านั้นแต่เมื่อมีการนำประกาศหรือรายงานไปใช้ในทางที่บิดเบือน ถือว่าน่ารังเกียจและเป็นสิ่งที่อันตรายกับประเทศ จึงให้เจ้าหน้าที่ นำเรื่องไปยื่นที่กองทัพบกเพื่อให้ช่วยดูในแง่ของความมั่นคง 
เนื่องจากจุดประสงค์ทำให้เกิดความแตกแยกของศาสนา ซึ่งมีความละเอียดอ่อนมากและไม่มีใครทำกัน โดยประเทศไทยทุกศาสนาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันมาโดยตลอดอีกทั้งทุกศาสนาก็สอนให้คนเป็นคนดี 
ดังนั้นก็ขอย้ำว่า ไม่มีนโยบายหรือไม่มีหลักสูตรสอนเด็กไทยพุทธเรียนอิสลามศึกษาแม้แต่น้อย  อย่างไรก็ตาม เมื่อประมาณปี 2550 หรือ 2552  ก็เคยมีเหตุการณ์คล้ายๆกันเกิดขึ้นมาแล้ว และครั้งนี้ถือเป็นการนำมาทำให้เกิดซ้ำอีก ทั้งที่เป็นการปฎิบัติหน้าที่ปกติของ  สพฐ. 
เมื่อถามว่า การถูกโจมตีแบบนี้ รู้สึกอย่างไร และจะบอกกับสังคมอย่างไร  
คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า เรื่องพวกนี้ตนได้ก้าวข้ามไปแล้ว คนที่ทำสิ่งไม่ดีคงไม่มีความสุข แต่เราอยู่บนความจริง ทำสิ่งที่ดีและกำลังใจก็ยังดีอยู่เสมอ  น่าสงสารคนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมือง นำเรื่องศาสนาซึ่งเป็นเรื่องของความเชื่อและอ่อนไหวมาโจมตีโดยไม่มีเหตุผล 
ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายติดตามอยู่ ซึ่งพอจะระแคะระคายแล้ว หากพบตัวก็ต้องถูกลงโทษ แล้ววันนี้จะมีเจ้าหน้าที่ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่ดูแลเรื่องเฟคนิวส์ ด้วย

logoline