ปิดฉากปฏิบัติการไล่ล่า 3 นักโทษหนีศาลจ.พัทยา

ปฏิบัติการไล่ล่า 3นักโทษที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่แล้วหลบหนีจากศาลจังหวัดพัทยา ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จัดชุดสืบสวน ไล่ล่าติดตามจับกุมตัวทั้ง 3 นักโทษ ตั้งแต่วันดังกล่าว โดย หาเบาะแสทั้งในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และตำรวจภูธรภาค2 โดยการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนพบยานพาหนะทั้งหมด3คันที่เกี่ยวข้องกับการหลบหนี คันสุดท้ายที่ 3นักโทษได้ใช้หลบหนีเข้ามายังพื้นที่ จ.สระแก้ว คือรถเก๋งมิซซูบิชิ มิราจ หลังจากจอดทิ้งไว้ ละพบจกทิ้งไว้ในพื้นที่ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว จากนั้นตำรวจได่ระดมกำลัง จัดชุดปูพรมไล่ลาตั้งแต่เมื่อค่ำที่ผ่านมา จนถึงเช้าวันนี้ ในรัศมี 10กิโลเมตร พื้นที่ อ.วัฒนานคร อ.เขาฉกรรจ์ และ อ.คลองหาดหลังจากปูพรมไล่ล่ารวมระยะเวลาประมาณ 1ว้นกับอีก 20ชั่วโมงทำให้เวลาประมาณ 11.50น.ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ พร้อมด้วยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว พร้อมชุดสืบสวน เดินทางไปยังบริเวณป่าอ้อย บ้านเขาจาน ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระบุรี เพื่อเข้าควบคุมตัว นายหน่อย หรือต้น นิลเทศ หนึ่งในนักโทษหลบหนี ที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลจังหวัดพัทยา พร้อมกับอีก2ผู้ที่ร่วมพาหลบหนี หลังจากสืบสวนและหาเบาะแสจนพบว่านายหน่อย หลบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณดังกล่าว

โดยเมื่อเดินทางไปถึง นายหน่อย หรือ ต้น ยืนถอดเสื้อผ้า อยู่บริเวณต้นไม้ใหญ่ กลางป่าอ้อย ใส่เพียงกางเกงชั้นในเพียงตัวเดียว พร้อมยกมือเหนือศรีษะ เพื่อแสดงตัวว่าไม่มีอาวุธ ตำรวจจึงเข้าประชิดตัว และนายหน่อยได้เดินออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัว จากนั้นนายหน่อยได้คุกเข่าลงกับพื้นก่อนหมอบลง โดยนายหน่อยมีสภาพร่างกายที่อ่อนล้า ไม่มีแรง จากนั้นตำรวจได้ส่งมอบเสื้อผ้าสีขาวให้นายหน่อยได้สวมใส่ ส่วนผู้ที่พาหลบหนีอีก2คน พบว่า เป็นภรรยาของนายหน่อย และเป็นญาติของภรรยานายหน่อย
จากนั้นตำรวจได้คุมตัวทั้ง 3 คน ขึ้นรถตู้ มาที่ที่พักสายตรวจ ตำบลท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นศปก.ที่ใช้ปฏิบัติการ โดยเมื่อเดินทางมาถึง ตำรวจได้นำอาหาร-น้ำ ให้นายหน่อยกิน ก่อนทำการสอบปากคำ และตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระที่ติดตัวนายหน่อยมา พบอาวุธปืน 1 กระบอกขนาด 9 มม. เสื้อผ้า และ ขอใช้ส่วนตัวจำนวนหนึ่ง

ต่อมาเวลาประมาณ 13.00น. ได้รับแจ้งว่า ชุดสืบสวน ทำการ ปิดล้อมเพื่อกดดัน นักโทษ 2คนที่เหลือ คือ นายบาร์ต อัลเลน เฮลมุส ชาวอเมริกันและ น.ส.สิรินภา วิเศษฤทธิ์ คู่นักโทษสามีภรรยา ที่บริเวณใกล้กับบ้านของชาวบ้านในตำบลท่าเกวียน ห่างจากจุดที่เข้าควบคุมตัวนายหน่อย ประมาณ1กิโลเมตรเท่านั้น
เมื่อเข้าตรวจสอบ พบว่า ผู้ต้องหาที่เป็นนักโทษ มีอาวุธ 9 ม.ม. เจ้าหน้าที่จึงใช้กำลังปิดล้อมเพื่อทำการกดดัน เพราะ นายบาร์ต ได้จับ นางสาวสิรินภา เป็นตัวประกัน จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น4นัด และสิ้นเสียงปืน เจ้าหน้าที่ได้ขอรถพยาบาล เพื่อเข้าเคลียพื้นที่ และนำตัว นายบาร์ต กับ นางสาวสิรินภา ผู้ต้องหาส่งโรงพยาบาลเข้าฉกรรจ์ทันที

ภายหลังจากการเข้าตรวจสอบพื้นที่ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ บอกว่าจากการปิดล้อมทำให้ผู้ต้องหา ใช้ปืนขนาด 9 ม.ม.ยิงภรรยาของตนเอง แล้วใช้ปืนยิงตัวเองที่บริเวณขมับขวา ทะลุมาด้านซ้าย ซึ่งอาการอาหัส

โดยจากการปิดล้อมนายบาร์ต และนางสิรินภา สืบเนื่องจาก การไล่ล่าจุดที่เจอนายหน่อย และนายหน่อยให้การรับสารภาพว่า นักโทษทั้งสองคนไม่ยอมมอบตัว และหากเกิดการกดดันก็จะยิงตัวตาย โดยจุดที่ปิดล้อม ห่างจากจึดที่เข้าจับกุมนายหน่อยประมาณ1กิโลเมตร ประกอบกับ นางสาวสิรินภา ภรรยาของนายบาร์ต มีความกดดันเป็นอย่างมาก เพราะกำลังตั้งครรภ์ 3เดือนและเสียงปืนทั้ง 4นัด คือฝั่งผู้ต้องหาทั้งหมด

ส่วนผู้ที่ให้การช่วยเหลือในการหลบหนีขณะนี้มีประมาณ 7-8คน ส่วนหนึ่งถูกควบคุมตัวไว้ที่ชลบุรี เพื่อทำการสอบปากคำมบสงส่วนก็ออกหมายจับแล้ว ส่วนที่เหลือจะต้องดูเจตนาของการช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วย
โดยเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังพนักงานสอบสวนเข้ามาดำเนินการสอบสวนคดีนี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีการว่าจ้าง หลบหนี และไม่ใช่ขบวนการใหญ่ แต่เป็นการที่ผู้ต้องหา ระหว่างนายบาร์ต และนายหน่อย พูดคุยกัน และติดต่อคนรู้จักเพื่อให้มาช่วยเหลือในการหลบหนี โดยนายหน่อยยอมรับว่า เป็นคนวางแผนการหลบหนีครั้งนี้
สำหรับทั้ง 3นักโทษ นอกจากมีโทษคดียาเสพติดก่อนหน้านี้แล้ว ยังโดนโทษเพิ่มอีก 5ข้อหา คือ 1.ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน , 2.ร่วมกันหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคน ขึ้นไป โดยมีหรือใช้อาวุธปืน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร 4.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน โดยไม่มีเหตุอันควร 5.ร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร