svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สำคัญที่สุดคือการกินข้าวเช้า

03 พฤศจิกายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

การเลือกอาหารเช้ามีหลากหลายตามหมวดหมู่ที่ร่างกายต้องการ หากต้องหาซื้อรับประทานนอกบ้านก็สามารถทำได้ แต่ควรเลือกอาหารแบบปรุงสุก สด ใหม่ และประกอบด้วยสารอาหารจากหลายกลุ่ม หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปที่มีประโยชน์น้อย และมีโซเดียมสูง

อาหารเช้า เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมคือประมาณ 07.00 น. เพราะจะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานไปใช้ในการทำงานหรือการเรียนในช่วงเช้าได้ทัน ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่าต้องเข้าทำงานเช้าหรือไปเรียนแต่เช้า ก็ควรเลื่อนระยะเวลาในการรับประทานอาหารเช้าให้เร็วขึ้นไปอีก

สำคัญที่สุดคือการกินข้าวเช้า

ประโยชน์ของอาหารเช้า
1. อาหารเช้าช่วยให้สุขภาพโดยรวมของเราดีขึ้น
เพราะเมื่อเราไม่รับประทานอาหารเช้าอัตราการเผาผลาญพลังงานจะช้าลง ทำให้สูญเสียกล้ามเนื้อ และสุขภาพของเราก็จะย่ำแย่ลงด้วย
2. อาหารเช้าช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
การรับประทานอาหารเช้าที่ประกอบด้วยผักและผลไม้ในปริมาณที่พอเหมาะ โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จะยิ่งเป็นการช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกัน
3. อาหารเช้าช่วยในการลดน้ำหนักได้
โดยทฤษฎีหนึ่งได้อธิบายเหตุผลไว้ว่า การรับประทานมื้อเช้าจะช่วยควบคุมความหิวได้ค่อนข้างดี เพราะผู้ที่อดอาหารเช้าจะหิวมากเมื่อใกล้มื้ออาหารถัดไป
4. อาหารเช้ามอบพลังงานให้แก่ร่างกาย
การไม่รับประทานอาหารเช้าจะทำให้ร่างกายดึงพลังงานที่เก็บสะสมไว้มาใช้
5. อาหารเช้าช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ที่งดรับประทานมื้อเช้า นอกจากนี้คนที่ไม่รับประทานมื้อเช้าส่วนมากมักเป็นกลุ่มคนที่รับประทานอาหารในช่วงกลางคืนมาก โดยจะส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมน และนำไปสู่การมีระดับคลอเลสเตอรอลและความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ จากการศึกษาของสมาคมหัวใจ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้สำรวจผู้ชาย อายุ 45 - 82 ปี จำนวน 26,902 คน ซึ่งไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ พบว่ามีความเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายหรือเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มมากขึ้นถึง 27%
6. อาหารเช้าทำให้มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ ระดับของกลูโคสในเลือดจะช่วยให้สมองทำงานได้อย่างราบรื่น จะมีอารมณ์ที่เสถียรและมีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ
โรคร้ายถามหา หากไม่รับประทานอาหารเช้า
1. โรคอ้วน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าอดอาหาร ก็ต้องผอมสิ จะอ้วนได้ไง? อ้วนได้สิและอ้วนหนักมากด้วย เพราะถ้าเราไม่ทานอาหารเช้า ระบบเผาผลาญจะทำงานช้าลง หิวอยู่บ่อยๆ ความหิวจากที่ไม่ได้ทานตอนเช้าก็จะไปลงกับมื้ออื่นๆ ทำให้กินเยอะเกินกว่าร่างกายต้องการ จะอ้วนก็ไม่แปลกเลย

2. โรคเบาหวาน
มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ร่างกายต้องการอย่างมาก เพราะร่างกายต้องการพลังงาน และสารอาหารเข้าไปกระตุ้นระบบเผาผลาญ รวมถึงสามารถช่วยลดภาวะผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งถือเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานกว่า 40-50% ดังนั้นไม่เพียงเฉพาะผู้สูงอายุ แต่ทุกเพศทุกวัยไม่ควรละเลยอาหารเช้าอย่างยิ่ง
3. โรคกรดไหลย้อน
กระเพาะอาหารของเราเมื่อถึงเวลา มันก็จะหลั่งน้ำย่อยออกมาเพื่อย่อยอาหารตามเวลาปกติ แต่ถ้าเรากลับอดอาหารเช้า ไม่ยอมกิน น้ำย่อยเหล่านั้นก็จะไม่ได้ใช้งานและถูกขังอยู่ในร่างกายของเรา ทำให้หลอดอาหารและเยื่อบุกระเพาะอาหารเกิดระคายเคือง ยิ่งเราปล่อยให้เวลาผ่านไปนานมากขึ้นล่ะก็ กรดน้ำย่อยเหล่านั้นก็อาจจะย้อนจากหลอดอาหารขึ้นไปถึงคอหอยได้
4. โรคอัลไซเมอร์
น้ำตาลในเลือดเป็นอาหารที่สำคัญสำหรับสมอง หากร่างกายเราไม่ได้รับสารอาหารมาเป็นเวลานาน จะทำให้น้ำตาลในเลือดเราต่ำลง ส่งผลให้สมองส่วนความจำทำงานไม่เต็มที่ เฉื่อยชา และเสื่อมลงไป
5. โรคหัวใจและหลอดเลือด
เมื่อเป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวาน ปริมาณคลอเลสเตอรอลในร่างกายเราก็จะสูงขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดตามมา

มื้อเช้านี้กินอะไรดี ?
นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข จากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่า อาหารเช้าที่เหมาะสมสำหรับทุกกลุ่มวัยควรมีค่าพลังงานประมาณ 400-450 กิโลแคลอรี่ โดยใช้หลักการเลือกอาหารที่หลากหลายตามหมวดหมู่ที่ร่างกายต้องการ หากต้องหาซื้อรับประทานนอกบ้านก็สามารถทำได้ แต่ควรเลือกอาหารแบบปรุงสุก สด ใหม่ และประกอบด้วยสารอาหารจากหลายกลุ่ม หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปที่มีประโยชน์น้อย และมีโซเดียมสูง นอกจากนี้ ควรเสริมสารอาหารเพิ่มเติมจากจานหลักด้วยนม ผักหรือผลไม้สด

logoline