นายกฯ ชี้โลกเผชิญปัญหาหลายด้าน ยันอาเซียนรวมกันเป็นหนึ่ง

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าที่ผ่านมา เปิดเผยถึงความสำเร็จของไทยในฐานะประธานอาเซียนและย้ำถึงบทบาทของอาเซียนในการเป็นมิตรกับทุกประเทศ ไม่เป็นศัตรูกับใคร หลังจากนั้น เหล่าผู้นำ 10 ชาติสมาชิกอาเซียนก็ได้หารือกับประเทศคู่เจรจาหรือ อาเซียน+1 ที่สำคัญ นั่นก็คือ ประเทศจีน แน่นอนว่า ประเด็นที่ถูกจับตากันเป็นพิเศษ คือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรือ RCEP 
พลเอกประยุทธ์กล่าวในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ระบุว่า ปัจจุบันอาเซียนและโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายและความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว, ความขัดแย้งทางการค้า, อาชญากรรมข้ามชาติ, เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ความเป็นหุ้นส่วนและมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างอาเซียนรวมทั้งประเทศคู่เจรจา จะช่วยให้สามารถรับมือและก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ไปได้ พร้อมกับย้ำว่า จุดแข็งของอาเซียนคือ อาเซียนเป็นมิตรกับทุกประเทศและไม่เป็นศัตรูกับใคร 

"การประชุมตลอดสองวันจากนี้ นับเป็นวาระสำคัญที่จะแสดงความเป็นหุ้นส่วนและมิตรภาพระหว่างอาเซียนกับประชาคมโลก เพื่อร่วมมือร่วมใจ สานต่อผลลัพธ์จากการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ผ่านมา และวางแนวทางร่วมกันในการใช้ประโยชน์จากความเป็นแกนกลางและจุดแข็งของอาเซียนที่เป็นมิตรกับทุกประเทศและไม่เป็นศัตรูกับใคร เพื่อรับมือและแก้ไขปัญหาระดับภูมิภาคและระดับโลก และสร้างความยั่งยืนในทุกมิติโดยดำเนินการในสองแนวทางคือ การสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับสันติภาพและเสถียรภาพในระยะยาวควบคู่ไปกับการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีพลวัตและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งทั้งสองมิตินี้ถือว่าเป็น 'สองด้านของเหรียญเดียวกัน' ที่จะนำมาซึ่งภูมิภาคที่ยั่งยืน" พลเอกประยุทธ์ กล่าว

ต่อมาผู้นำอาเซียนได้หารือแบบอาเซียน+1 กับนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน ประเด็นสำคัญ มีทั้งการค้าเสรีและกลไกการค้าพหุภาคี โดยเฉพาะการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรือ RCEP ซึ่งจะเป็นเขตการค้าเสรีที่มีประชากรมากที่สุด มีโครงสร้างหลากหลายที่สุด และมีศักยภาพมากที่สุดในโลก, ความร่วมมือด้านการสื่อสาร 5G ,ปัญญาประดิษฐ์ (AI),Big Data และเมืองอัจฉริยะ, รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนระหว่างภาคประชาชน, ส่วนประเด็นทะเลจีนใต้นั้น จีนยืนยันในความพยายามขับเคลื่อนการเจรจาในการจัดทำแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้หรือ COC ซึ่งจีนต้องการให้เสร็จเรียบร้อยภายในปี 2021
ถือเป็นการเยือนไทยครั้งแรกในรอบ 5 ปีของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง โดยหลังจากนี้ วันที่ 5 พฤศจิกายน นายกฯ จีนจะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อหารือข้อราชการกับ พล.อ.ประยุทธ์ และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจด้านต่างๆ อาทิ การค้า อิเล็กทรอนิกส์ วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม และการแลกเปลี่ยนด้านสื่อมวลชน และนายกฯ จีนจะเข้าเยี่ยมคารวะประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรที่อาคารรัฐสภา
นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ยังมีกำหนดพบหารือแบบทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศในวันนี้ อย่างสหรัฐฯ รัสเซีย อินเดีย และนิวซีแลนด์อีกด้วย