จากกรณีมีผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่แม่มณีเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ให้ดำเนินคดีกับแม่มณีหรือ น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช แม่ค้าขายตุ๊กตาออนไลน์ ชาว ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีผู้เสียหายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนเงินออมในลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยอ้างว่าได้ผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 93 คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากถึง 100 ล้านบาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 2 พ.ย. 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ชุดสืบสวนภูธรภาค 2 ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.สัตหีบ ได้บุกเข้าจับกุมตัวแม่มณีหรือน.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวชผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 1623/2562ข้อหาข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบซึ่งข้อมูลความพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
ทั้งนี้ ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ฯ จะนำตัวผู้ต้องหาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำการสอบปากคำในเบื้องต้น จากนั้นจึงจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่ จ.อุดรธานี ต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะนำตัว น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือเดียร์ ฉายา แม่มณี อายุ 28 ปี และนายเมธี ชิณภา อายุ 20 ปี มาที่กองบินตำรวจ เพื่อขึ้นเครื่องเดินทางไปยัง จ.อุดรธานี นั้น
ทางชุดสืบสวน บช.ภ.4 บช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งไปส่งมอบให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เพื่อทำการสอบปากคำที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ สำหรับการนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 มาสอบสวนในเบื้องต้นครั้งนี้ เนื่องจากเครื่องบินที่จะใช้เดินทางยังไม่สามารถขึ้นบินได้ เพราะติดปัญหาการจราจรทางอากาศ เนื่องจากบรรดาผู้นำแต่ละประเทศฯ ต่างเริ่มทยอยกันเดินทางมาประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 35 ดังนั้น จึงทำให้การนำตัวผู้ต้องหาขึ้นบินไป จ.อุดรธานี ต้องเลื่อนออกไป
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหาแม่มณีและสามี ยอมรับว่า รับออมทองคำจริง แต่ไม่ได้โกงเงิน และให้การว่า ตอนนี้เงินในบัญชีไม่มี มีเงินติดตัวเพียงแค่หมื่นกว่าบาท ส่วนทรัพย์สินมีรถยนต์ 4 คัน และบ้าน 2 หลัง และถูกอายัดบัญชีและทรัพย์สิน จึงไม่สามารถตอบได้ว่า จะเคลียร์กับผู้เสียหายได้อย่างไร
โดยผู้ที่อายัดทรัพย์สินไว้มีทั้ง ปอศ. และ ตำรวจอุดรธานี มูลค่าทรัพย์สินที่อายัดรวมกันกว่า 10 ล้านบาท แต่ที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ ปอศ.มูลค่า 170 ล้าน และที่ อุดรธานีอีก 139 ล้าน
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหาไม่ได้มีอาการเครียด ยังยิ้มหัวเราะตามปกติ และจะขอไลฟ์สดชี้แจงกับสื่อมวลชน ซึ่งก็จะต้องให้ตำรวจภูธรภาค 4 เป็นผู้พิจารณา และในขณะจับกุมสามารถยึดรถยนต์ BMW ได้ 2 คัน และรถเบนซ์อีก 1 คัน โดยรถยนต์ของกลางทั้งหมดจะนำไปที่จังหวัดอุดรธานี