svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

กอช. ตั้งเป้าปี 63 รุกหนักสถานศึกษาทั่วประเทศสร้างต้นกล้าการออม

31 ตุลาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. จัดงานมอบรางวัลส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม ประจำปี 2562 เนื่องในวันออมแห่งชาติ วันที่ 31 ตุลาคม 2562 เพื่อขอบคุณเครือข่าย หน่วยรับสมัครสมาชิก กอช. ทั่วทั้งประเทศ พร้อมเผยตัวเลขก้าวกระโดดของสมาชิกที่เพิ่มจากปี 2561 สูงถึง 2,215,524 คน (สมาชิก ณ วันที่ 30 กันยายน 2562) และสร้างการตระหนักรู้ถึงการออมเงินเพื่อวัยเกษียณให้กับตนเองและคนในครอบครัว สอดรับนโยบาย กอช. เป็นวาระแห่งชาติ

ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุมาตั้งแต่ พ.ศ. 2548 และกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงอายุระดับสมบูรณ์ใน  พ.ศ. 2564 ซึ่งหมายถึงประเทศไทยจะเป็นสังคมที่มีผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด โดยคาดการณ์ว่าใน พ.ศ. 2574 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด คือ มีผู้สูงอายุมากกว่า ร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด โดยแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 2580) ยุทธศาสตร์ที่ 4                    

ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมนั้น ได้เน้นเรื่องการรองรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ  โดยเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะการส่งเสริม การออมและการลงทุนระยะยาวของประชาชนตั้งแต่ก่อนเกษียณอายุ เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคง ในการดำรงชีวิตหลังเกษียณในระดับพื้นฐาน  ซึ่งปัจจุบัน ภาครัฐมีนโยบายเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมสูงอายุ เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณอย่างมีคุณภาพ มีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ด้วยระบบการออมเงิน เพื่อการเกษียณอายุในรูปแบบการออมภาคบังคับ และภาคสมัครใจ  
โดยในปี 2562 กอช. ได้มุ่งพัฒนาความยั่งยืนระดับประเทศผ่านการสร้างวินัยการออมของประชาชน อันเป็นปัจจัยของความสําเร็จ และเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศ และสร้างหลักประกันเงินออมไว้ใช้ในยามเกษียณรายเดือนหลังอายุ 60 ปี โดยผนึกกำลังกับหน่วยงานเครือข่ายความร่วมมือ  ทั่วประเทศในการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ และรับสมัครสมาชิก ทั้งในเขตชุมชนเมือง และชุมชนส่วนภูมิภาค โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนไทยที่มีอายุระหว่าง 15 - 60 ปี เป็นแรงงานนอกระบบ และยังไม่มีสวัสดิการอื่นใดรองรับ สามารถมีบำเหน็จบำนาญใช้ในยามเกษียณเหมือนกับข้าราชการ และแรงงานในระบบ จากเงินออมสะสมของตนเอง และเงินที่รัฐสมทบเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง เพียงออมขั้นต่ำ 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี  ได้เข้าถึงสิทธิในการออมเพิ่มมากขึ้น ตามบริบทของชีวิต คือ มีมากออมมาก มีน้อยออมน้อย มีเมื่อไหร่ก็ออมได้ สิทธิการเป็นสมาชิกยังคงอยู่ ซึ่งปัจจุบัน กอช. มีสมาชิกเพิ่มขึ้นจากปี 2561 จากจำนวนสมาชิก 610,683 คน ก้าวกระโดด ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 สูงถึง 2,215,524 คน เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 263

เนื่องในวันนี้ 31 ตุลาคม 2562 เป็น "วันออมแห่งชาติ" ซึ่งการสร้างเสริมวินัยการออมให้กับประชาชน ถือเป็นหนึ่งในเรื่องหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญ จากการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2562 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกัน  เพื่อผลักดันให้ กอช. เป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากภารกิจหลักของ กอช. คือการส่งเสริม และสร้างวินัยการออมให้กับประชาชนทุกคนที่ประกอบอาชีพอิสระ เข้าสู่การออมเงินเพื่อการเกษียณอย่างเป็นระบบกับ กอช.ซึ่งเป็นการสร้างสวัสดิการที่จำเป็นให้กับประชาชนได้มีเงินไว้ใช้ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และก้าวสู่สังคม  ผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพ 


นางปานทิพย์ ศรีพิมล รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ด้วยกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้ชีวิตของประชากรที่มีอาชีพอิสระ หรืออยู่นอกระบบบำเหน็จบำนาญของรัฐ ให้ได้มีโอกาสรับสวัสดิการจากภาครัฐอย่างทั่วถึงทุกกลุ่ม ตอบสนองต่อแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ด้วยประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างระบบการออมที่เข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ รวมถึงรองรับสภาพสังคมของประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุ 

ปัจจุบัน กอช. มีเงินกองทุนกว่า 6,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ก้าวกระโดดขึ้นมาในปี 2562 คิดเป็นร้อยละ 263 โดยสมาชิกส่วนใหญ่ เกือบร้อยละ 50 ประกอบอาชีพเกษตรกร รองลงมาไม่ระบุอาชีพ ร้อยละ 24 และไม่ได้ประกอบอาชีพ ร้อยละ 7

ทาง กอช. ได้จัดให้มีการมอบรางวัลเกียรติยศแก่หน่วยงานความร่วมมือสนับสนุนส่งเสริมการออม และรางวัลผลงานส่งเสริมการออมยอดเยี่ยมแก่องค์กร หน่วยงานที่ดำเนินการประชาสัมพันธ์ พร้อมขับเคลื่อนการเพิ่มจำนวนสมาชิก กอช. ดีเด่น ในช่วงเดือนมกราคม กันยายน 2562 เป็นต้นมา และเพื่อเป็นเกียรติแก่หน่วยงานความร่วมมือที่มีการส่งเสริมวินัยการออมกับ กอช. ยอดเยี่ยม ที่ได้ร่วมกันส่งเสริม และสนับสนุนให้ประชาชนมีวินัยในการออมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณกับ กอช.  


นางสาวจารุลักษณ์  เรืองสุวรรณ  เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2563 กอช. จะลงพื้นที่ให้ความรู้กับนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาเพิ่มมากขึ้น พร้อมสร้างสถานศึกษาต้นกล้าการออมครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ให้ตระหนักถึงการสร้างวินัย การออมในอนาคต ด้วยการวางแผนอนาคตออมเงินกับ กอช. เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินหลังอายุ 60 ปี ให้มีกิน มีใช้ในอนาคตโดยเฉพาะในวัยเกษียณ เมื่อส่งเงินออมสะสมตั้งแต่ 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี รัฐจะจ่ายเงินสมทบให้ในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปตามช่วงอายุของสมาชิก พร้อมรับประโยชน์เพิ่มอีก 3 ต่อ ดังนี้ 

ต่อที่ 1 รับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐ ตามช่วงอายุของสมาชิก ช่วงอายุ 15 - 30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 600 บาท คิดเป็นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร 4.54%* ช่วงอายุ >30 50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของเงินออมแต่ละครั้งโดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 960 บาท คิดเป็นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร 7.27%* ช่วงอายุ >50 60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 1,200 บาท คิดเป็นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร 9.09%* (*เงินสมทบจากรัฐบาลคิดเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประจำ)ต่อที่ 2  ผลตอบแทนของเงินออมสะสม และเงินสมทบที่นำไปลงทุน ต่อที่ 3  ลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนเงินออมสะสม


สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครสมาชิก กอช. เพียงมีอายุ 15 60 ปี โดยสามารถตรวจสอบสิทธิก่อนการสมัครได้ที่แอปพลิเคชัน "กอช" หรือที่ www.nsf.or.th หรือธนาคารของรัฐบาลทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคาร ธ.ก.ส. ธอส. ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ที่ว่าการอำเภอ เคาน์เตอร์เซอร์วิส เทสโก้โลตัส ตู้บุญเติม ทั่วประเทศ รวมทั้งสำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน และเครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000

logoline