พิษการประท้วงทำชิลีถอนตัวเป็นเจ้าภาพเอเปคเดือนหน้า

ชิลีให้เหตุผลว่าเพื่อที่ประเทศจะได้ใช้เวลาสะสางปัญหาการลุกขึ้นมาประท้วงของประชาชน เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันในทางเศรษฐกิจที่ดำเนินมาสองสัปดาห์แล้ว และทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย บาดเจ็บอีกเป็นร้อย และสร้างความเสียหายต่อธุรกิจและระบบโครงสร้างพื้นฐานในทั่วประเทศ

การตัดสินใจครั้งนี้ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะเป็นส่วนเล็ก ๆ ของภูมิภาคที่มีเสถียรภาพและการพัฒนาทางเศรษฐกิจมานาน
เจ้าหน้าที่ฝ่ายเจรจาของสหรัฐ ต่างก็หวังกันว่า จะปิดฉากเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศได้ทันเวลา ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และสี จิ้นผิง ของจีน จะมาร่วมลงนามในข้อตกลงระหว่างการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย - แปซิฟิก หรือเอเปค ที่กรุงซานติเอโก ระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายน ซึ่งภายใต้ข้อตกลงนี้ สหรัฐจะยอมยกเลิกการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสน 5 หมื่นล้านดอลล่าร์ ขณะที่จีนก็จะซื้อสินค้าทางการเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้น ผู้นำชิลี ก็ยังประกาศยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมโลกร้อนของสหประชาชาติระหว่างวันที่ 2 - 13 ธันวาคมด้วย จากปัญหาสถานการณ์ยากลำบากที่เกิดในประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ชิลี ประเทศที่ถูกมองมานานแล้วสำหรับเรื่องราวของการประสบความสำเร็จในเชิงเศรษฐกิจ กลับต้องเจอกับการประท้วงใหญ่มานาน 13 วันติดต่อกัน โดยผู้ประท้วงเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียมกันในทางเศรษฐกิจ และบริการสาธารณะที่ดีกว่าเดิม การประท้วงที่มาพร้อมกับการทุบทำลายข้าวของและการวางเพลิง ทำให้ต้องปิดสถานีรถไฟใต้ดินไปหลายแห่ง
ผู้นำชิลีบอกว่าการประกาศยกเลิกการเป็นเจ้าภาพการประชุม 2 รายการสำคัญ เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก และทำให้ฝ่ายบริหารต้องเจ็บปวดอย่างหนัก แต่ประธานาธิบดีก็ต้องเอาความต้องการของเพื่อนร่วมชาติมาก่อนเป็นลำดับแรกเสมอในส่วนของสหประชาชาติ ก็บอกว่าตอนนี้กำลังมองหาประเทศอื่น ที่จะมารับเป็นเจ้าภาพการประชุม