เครือข่ายนักกฎหมายเดินสาย ร้องคดีอ่างวิคตอเรีย

วันนี้ (30 ต.ค.) เวลา 11.00 น. เครือข่ายนักกฎหมายเศรษฐกิจและสิทธิมนุษยชน นำโดยนายธนชาติ แสงประดับธรรมโชติ ทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมทุกระดับชั้น ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และองค์กรอัยการ 

โดยเฉพาะอัยการฝ่ายคดีค้ามนุษย์ ที่เกี่ยวข้องกับการมีคำสั่ง และการตัดสินคดีค้ามนุษย์วิคตอเรียซีเครท กรณีกลับความเห็นสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกชายของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หรือเสี่ยกำพล เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ รวมถึงผู้ต้องหารายอื่นอีกกว่า 20 ราย ที่อัยการกลับความเห็นสั่งไม่ฟ้องเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังไม่สามารถเอาผิดผู้ต้องหาในข้อหาค้ามนุษย์ได้แม้แต่คนเดียว 
นอกจากนี้ยังพบหลักฐานเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารกสิกรไทยของเสี่ยกำพล ที่มีการโอนไปยังกลุ่มเครือญาติ บุคคลใกล้ชิด รวมถึงกลุ่มข้าราชการ และอัยการรายหนึ่ง วงเงินหลักร้อยล้านบาท ทั้งนี้ตนไม่ได้กล่าวหาใคร เพราะอาจเป็นเงินที่ทำธุรกิจร่วมกันก็ได้ เพียงแต่ต้องการให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกับคดี อาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท หรือไม่ 

และหากพบความผิดปกติขอให้ป.ป.ช.ดำเนินการทางกฎหมาย นายธนชาติ ยังบอกอีกว่า การยื่นหนังสือในครั้งนี้ เพื่อร่วมกันปกป้องสิทธิมนุษยเลือกชน และปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ โดยในวันนี้ตนจะยื่นต่อป.ป.ช.ก่อน จากนั้นในวันพุธที่ 6 พ.ย.นี้ จะนำหลักฐานอีกชุด ไปยื่นต่อประธานกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการทุจริต เเละประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส 

ส่วนกรณีที่ ครม.เพิ่งมีมติต่ออายุราชการให้อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่เครือข่ายต่อต้านการค้ามนุษย์ 13 องค์กรยื่นต่อนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ทำความเห็นแย้ง ความเห็นอัยการที่สั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์นั้น ตนมองในฐานะนักกฎหมายเห็นว่า กรณีที่อัยการกลับความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา แล้วอธิบดีดีเอสไอไม่ได้ทำความเห็นแย้ง ในทางกฎหมายถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว แต่เรื่องนี้ยังเป็นข้อสงสัยของสาธารณะชนว่า เหตุใดดีเอสไอจึงกลับคำสั่งเดิมของตน ที่เคยเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปก่อนหน้านี้