นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมการของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการเข้าชี้แจงกับกรรมาธิการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือ ป.ป.ช. ออกหนังสือเชิญให้ไปชี้แจงรายละเอียดการเสนอ ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 และการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน ว่าสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือสอบถามกลับไปถึงกรรมาธิการ ว่ามีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่เนื่องจากหนังสือที่กรรมาธิการทำถึงนายกรัฐมนตรียังมีความไม่ชัดเจนในบางเรื่อง จึงต้องทำหนังสือสอบถามกลับไป ซึ่งก็ถือเป็นการเข้าสู่กระบวนการของกรรมาธิการเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ขอตอบว่าจะต้องใช้ พรบ.คำสั่งเรียก พ.ศ.2554 หรือไม่ เพราะมองว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น อีกทั้งการจะเดินทางไปตอบต้องดูเรื่องความสะดวกและความเหมาะสม พร้อมฝากกรรมาธิการดังกล่าวทุกอย่างต้องใช้สติ แต่ขณะนี้ที่นายกรัฐมนตรียังไม่เดินทางไป และเพียงแค่ทำหนังสือชี้แจงก็ยังไม่ได้ถือว่าอยู่ในเขตการร่วมมือ
รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ยังกล่าวถึงกรณีแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีสหรัฐฯประกาศตัดสิทธิพิเศษ ภาษีศุลกากรสินค้าหรือ gsp ที่ต้องการให้ไทยแก้เรื่องสิทธิแรงงานต่างด้าว ว่า เรื่องดังกล่าวต้องไปสอบถามนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้เข้าร่วม ครม.เศรษฐกิจด้วย รับทราบเพียงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเท่านั้นอีกทั้งเมื่อวานนี้ นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบนายสมคิดแล้ว ทั้งนี้นายวิษณุ ระบุว่า การจัดตั้งสหภาพแรงงานต่างด้าวไม่สามารถจัดตั้งได้ในประเทศไทย แต่เชื่อว่าไทยจะใช้ช่องทางอื่นในการเจรจา แต่ยังไม่ทราบว่าจะใช้ช่องทางใด มองว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ต้องใช้ระยะเวลามากกว่า 6 เดือนตามที่สหรัฐอเมริกาวางกรอบเวลาไว้ ส่วนจะปิดประตูการตั้งสหภาพหรือไม่ ต้องถามกระทรวงแรงงานส่วนการสั่งปิดเหมืองอัครา / รองวิษณุ ไม่ขอตอบในเรื่องนี้ เนื่องจากกระทบกับรูปคดี ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะรับไปดำเนินการต่อ ก่อนจะกลับมารายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้เองทางคณะรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้เลือกทางเลือกใด ๆ ทั้งสิ้น และอีกทางเรื่องนี้มีมติคณะรัฐมนตรีมานานแล้ว ยืนยันว่าจะเดินหน้าตามอนุญาโตตุลาการ