เนื่องจากโครงสร้างราคาน้ำมันของไทยกับมาเลเซียนั้นมีความแตกต่างกัน เพราะไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมัน 100% และยังมีการจัดเก็บภาษี รวมถึงเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อรักษาเสถียรภาพของน้ำมัน เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกเปลี่ยนแปลง ส่วนมาเลเซีย เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันและไม่ได้เก็บภาษี หรือมีกองทุนน้ำมันเหมือนไทย
"อยากให้เข้าใจว่าโดยพื้นฐานของประเทศไทยและมาเลเซียนั้นมีความแตกต่างกันมาเลเซียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันในขณะที่ประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมัน 100% กลไกราคาจึงไม่เหมือนกัน หากตั้งราคาให้เท่ากับประเทศมาเลเซียเราก็จะเสียดุลการค้าเป็นจำนวนมากในอนาคต รวมถึงเสถียรภาพความมั่นคงด้านราคาน้ำมันก็จะเสียไป" นายสนธิรัตน์ กล่าวและยืนยันว่า
ราคาน้ำมันในประเทศไทยไม่ได้แพงที่สุดในอาเซียนแต่อยู่ในระดับกึ่งกลาง ที่ถูกกว่าเราจะมีเวียดนาม ,มาเลเซีย ส่วนประเทศอื่นๆก็มีราคาน้ำมันที่แพงกว่าไทย เช่น สิงคโปร์ ที่เป็นประเทศที่ค้าน้ำมันรายใหญ่ของโลกต้องทำความเข้าใจกับข้อมูลเหล่านี้ ส่วนข้อเรียกร้องต่างๆกระทรวงพลังงานก็จะนำมาพิจารณาในเรื่องรายละเอียดว่ามีอะไรที่จะสามารถปรับกลไกเดิมและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากขึ้นขณะนี้ให้คณะทำงานเริ่มดูในเรื่องของรายละเอียดควบคู่ไปด้วย