svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เจอตัวแล้วหนุ่มท่าม่วงถูกตร.อุ้ม

26 ตุลาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

พบตัวแล้ว นายสุรัตน์ หลังญาติเข้าแจ้งความกับกองปราบว่าถูกชายฉกรรจ์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายและถูกอุ้มหายไปตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในอำเภอท่าม่วง ส่วนทางตำรวจได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้แล้ว

กรณี ญาติของ ญาติ นายสุรัตน์ หรือโจ้ เสือดาว หรือ(สุรัตนเผือกพันธ์ดอน) อายุ 21 ปี เข้าร้องเรียนกับตำรวจกองปราบว่า นายสุรัตน์ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจทำร้ายร่างกายและนำตัวไปไม่ทราบชะตากรรม ตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 23 ตุลาคม

เจอตัวแล้วหนุ่มท่าม่วงถูกตร.อุ้ม

ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้รับรายงานจากตำรวจรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมเวลา 02.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) ได้จับกุมตัว นายสุรัตน์ หรือโจ้ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 60 เม็ด และแจ้งข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และ สู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยจับกุมตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 03.30 น. บ้านเลขที่ 62/2 หมู่ที่6 ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วงจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าม่วง ดำเนินคดี


ขณะเดียวกันมีรายงานจากตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ด้วยว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ตำรวจชุดสืบสวน กองกับกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้วางแผนจับกุม ร้อยตำรวจเอก อัศวิน บุนนาค รองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าม่วง และช่วยราชการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) พร้อมพวก ได้เรียกรับเงินจากผู้ต้องหาในคดีจำหน่ายยาเสพติดที่ชุดของ ร้อยตำรวจเอก อัศวิน เป็นคนจับกุมพร้อมของกลางยาบ้า 670 เม็ด ก่อนที่ทาง ร้อยตำรวจเอก อัศวิน จะมีการเรียกรับเงินจำนวน 2 แสนบาท แต่ทางญาติของผู้ต้องหาได้แจ้งเจ้าหน้าที่อีกส่วน จึงทำให้ตำรวจได้วางแผนซ้อนจับ ร้อยตำรวจเอก อัศวิน กับพวก และเงินของกลาง 5 หมื่นบาท โดยทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินประโยชน์" นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เจอตัวแล้วหนุ่มท่าม่วงถูกตร.อุ้ม


โดยทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันทาง พลตำรวจตรี วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวข้างต้นแล้ว โดยให้คณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบด้วยความรวดเร็ว บริสุทธิ์ ยุติธรรม เสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่กรอบกฎหมายกำหนดโดยหากพบว่ามีการกระทำความผิด มีข้อบกพร่องก็จะดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไปอย่างไรก็ดีมีรายงานข่าวว่า ขณะนี้ทางญาติได้พบตัว นายสุรัตน์ แล้ว โดยขณะนี้กำลังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ได้เพราะยังไม่ได้สติ


รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายที่กำหนด โดยหลักแล้วก่อนการตรวจค้นทุกครั้งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะมีการแสดงบัตรเพื่อระบุตัวตนให้อีกฝ่ายทราบ และหากระหว่างการตรวจค้นพบสิ่งของผิดกฎหมาย สามารถดำเนินการจับกุมได้ เนื่องจากเป็นความผิดซึ่งหน้า และจะมีการแจ้งสิทธิต่างๆให้ผู้ต้องหาทราบ ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดก็คงจะไปทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง หากตรวจพบ ว่ามีข้อบกพร่องหรือเกินกว่าขอบเขตและอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายได้ให้ไว้ ก็จะมีบทลงโทษทั้งทางวินัยและอาญาต่อไป ซึ่งก็คงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผิดก็ว่าไปตามผิดไม่มีการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฎชัดเจน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี

เจอตัวแล้วหนุ่มท่าม่วงถูกตร.อุ้ม


ทั้งนี้ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับที่กำหนด อย่างเคร่งครัด ส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือปฏิบัติงานไม่สนองนโยบายของผู้บังคับบัญชา ก็จะไม่เข้าข้างอยู่แล้ว หากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หัวหน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537 ในการ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติและพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบกระทำด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่าได้กระทำผิดจริงให้ดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด

logoline