ปารีส เปิดตัวโลโก้ "โอลิมปิก 2024" อย่างเป็นทางการ

บนโลกโซเชียลได้มีการเผยภาพ โลโก้ของโอลิมปิกปี 2024 ที่ปารีส ซึ่งเผยโฉมแล้วอย่างเป็นทางการ โดยโลโก้ที่เราเห็นว่าเรียบง่ายที่สุดในหลายทศวรรษแต่สร้างการถกเถียงได้อย่างน่าตื่นเต้นโดยเพจเฟซบุ๊ก slowmotion ได้เผยภาพ โลโก้ของโอลิมปิกปี 2024 ที่ปารีส อย่างเป็นทางการ โดยมีข้อความระบุว่า...
The Games Belong to the People - Paris 2024 Olympic Logo

โลโก้ของโอลิมปิกปี 2024 ที่ปารีส เผยโฉมแล้วอย่างเป็นทางการ โดยโลโก้ที่เราเห็นว่าเรียบง่ายที่สุดในหลายทศวรรษแต่สร้างการถกเถียงได้อย่างน่าตื่นเต้นนี้ประกอบไปด้วย รูปทรงของ เหรียญทอง-สัญลักษณ์ของรางวัลแห่งการแข่งขัน เปลวเพลิง-สัญลักษณ์ของจิตวิญญาณแห่งความสามัคคี และรูปทรงสุดท้ายที่ negative space มาประกอบกัน เป็นใบหน้าสตรีก็คือ Marianne เทพีแห่งเสรีภาพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศส มาตั้งแต่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นสาธารณรัฐ

 ...แม้ว่าการใช้ภาพของใบหน้าสตรีนั้นจะโดดเด่นจนกลบสัญลักษณ์อื่นๆ แถมยังถูกวิพากษ์วิจารณ์เสียมากมาย แต่เรากลับชอบที่การใช้ Marianne นี้ มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจนและทรงพลัง 
ด้วยเพราะเพศหญิงในบริบทของสาธารณรัฐนั้น คือ การเปลี่ยนขั้วจากการจำกัดสิทธิที่เคยผูกขาดโดยเพศชายส่วนน้อย (ระบบกษัตริย์) ไปสู่ประชาชนทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับโอลิมปิกครั้งนี้ ที่ต้องการเน้นย้ำว่าเป็นกีฬาของทุกคน (Inclusive) และในครั้งที่ปารีสได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1900 นั้นก็เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงได้รับการอนุญาตให้เข้าร่วมแข่งขันด้วย 
...กระทั่งโลโก้ของ Paralympics ซึ่งแต่ไหนแต่ไรจะออกแบบให้แตกต่างกัน แต่ในครั้งนี้จะใช้โลโก้เดียวกัน เพราะถือว่าทุกคนคือคนเหมือนกันไม่มีการแบ่งแยก แม้แต่คอนเซ็ปต์ของการออกแบบเหรียญรางวัล โดย ฟิลิปป์ สตาร์ก นั้นก็ยังออกแบบให้เป็นเหรียญที่สามารถแบ่งให้กับคนอื่นๆ ได้เป็นครั้งแรก เพราะถือว่าทุกชัยชนะล้วนมีที่มาจากคนที่อยู่เบื้องหลังอีกมากมาย 
...ในขณะที่ Typeface หรือฟ้อนท์ของโอลิมปิก ครั้งนี้ก็มีที่มาที่ไปอย่างน่าสนใจ เพราะเกิดจากการศึกษา Typeface คลาสสิคต่างๆ ของฝรั่งเศส ย้อนไปในช่วงปี 1920 ตั้งแต่ยุคอาร์ตนูโวมาจนถึงอาร์ตเดโค แล้วนำฟีเจอร์ที่เด่นชัดมาสังเคราะห์กันให้เกิดเป็นฟ้อนท์ใหม่ในชื่อ "Paris2024" อีกทั้งยังเคลมว่าเป็น Eco-design เนื่องจากมีหลายน้ำหนัก ตั้งแต่แบบบางซึ่งช่วยประหยัดหมึกพิมพ์ ไปจนถึงแบบดิจิตอลที่สนับสนุน Dark Mode ซึ่งช่วยประหยัดไฟให้กับ device ต่างๆ 
...นอกจากนี้แล้วเขายังชูความเป็น "Compact & Accessible Games" โดยจะใช้สถานที่สำหรับการแข่งขันที่เคยมีอยู่แล้วถึง 95% ไม่ไปสร้างใหม่ให้เปลืองทรัพยากร และสถานที่เหล่านี้จะอยู่ใกล้กันในตัวเมืองปารีสซึ่งเป็นการประหยัดพลังงานในการเดินทางอีกด้วย ...ตัวอย่างของความล้ำทั้งหมดนี้สมกับเป็นวิธีคิดของโอลิมปิคในยุคดิจิตอลจากประเทศที่เป็นผู้นำทางความคิดจริงๆ