svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตำรวจ "เห็นควรสั่งฟ้อง" ผู้ต้องหาคดีระเบิด 21คน

24 ตุลาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รองโฆษกตร.เผยคดีลอบวางระเบิดและวางเพลิงในหลายพื้นที่ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีความเห็นควรสั่งฟ้อง หลังรวบรวมพยานบุคคลกว่า 250 ปาก พยานเอกสารและนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 30 แฟ้ม ขณะที่ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 18 คน ได้ออกหมายแดง-แจ้ง 194 ประเทศเฝ้าระวังเดินทางเข้าออกแล้ว

วันที่ 24 ตุลาคม พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี จากเหตุการณ์ความไม่สงบ ลอบวางระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.62 ที่ผ่านมาว่า หลังจากที่ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานโดยมอบหมายให้ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงไปกำกับดูแลและเป็นหัวพนักงานสืบสวนสอบสวนในเรื่องนี้ เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง

ตำรวจ "เห็นควรสั่งฟ้อง" ผู้ต้องหาคดีระเบิด 21คน


โดย คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกับ พนักงานสอบสวน ตามคำสั่งของอัยการสูงสุด ทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องต่าง และได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่ออนุมัติให้ออกหมายจับผู้ต้องหา นายลูไอ แซแง กับพวก รวมทั้งสิ้น 21 คน ซึ่งได้ร่วมกันกระทำความผิดในหลายพื้นที่ทั้งในประเทศไทยและนอกราชอาณาจักร รวมสำนวนการสอบสวน จำนวน 18 คดี ซึ่งต่อมาได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กับพวกรวม 68 คน เป็นผู้กล่าวหาในคดีนี้ โดยแบ่งการดำเนินคดีออกเป็น 3 กลุ่ม 1.กลุ่มระเบิดสังหาร 8 คน (ลงมือ) และ 1 คน (ประกอบ/ส่งระเบิด) 2.กลุ่มระเบิดเพลิง 7 คน 3.ผู้ต้องหากลุ่มสั่งการ 5 คน

ตำรวจ "เห็นควรสั่งฟ้อง" ผู้ต้องหาคดีระเบิด 21คน


ซึ่งในขณะนี้สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีไปแล้ว 3 คน ได้แก่ 1.นายลูไอ แซแง (จับ 15 ส.ค.62 ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 462/2562) , 2.นายวิลดัน มาหะ (จับ 15 ส.ค.62 ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 463/2562) , 3. นายมูฮัมมัดอิลฮัม สะอิ (จับ 2 ก.ย.62 ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1327/2562) ในความผิดฐาน เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจรโดยการสมคบเพื่อกระความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป, ร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น หรือทรัพย์ของผู้อื่น และตามข้อหาความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง

สำหรับผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนีตามหมายจับศาลอาญา 18 คน ได้แก่ 
นายมะนูเด็น สามะ (จ.1425/2562)
นายมูฮำมัดอาดีลัน สาและ (จ.1426/2562)
นายอารีฟ มะเซ็ง (จ.1427/2562) 
นายซุลกิฟลี มะสาแมง (จ.1428/2562)
นายรอแปะอิง อุเซ็ง (จ.1429/2562)
นายอัมรี มะมิง (จ.1438/2562)
นายอัสมี อาบูวะ (จ.1436/2562)
นายอุสมาน เปาะลอ (จ.1437/2562) 
นายมะยากี มะลาซิง (จ.1442/2562)
นายศรัทธา อาแว (จ.1439/2562)
นายอุสมาน เจ๊ะเต๊ะ (จ.1440/2562)
นายสุกรี ดือรามัน (จ.1441/2562)
นายฮากีม ปุนยัง (จ.1435/2562)
นายฮาแซ แบเล๊าะ (จ.1433/2562)
นายนัสรู มะประสิทธิ์ (จ.1241/2562)
นายอุสมัน ลาเตะ (จ.1430/2562)
นายฮาซัน อาแว (จ.1431/2562)
นายมะยูโซะ หะยีสามะ (จ. 1434/2562)

ตำรวจ "เห็นควรสั่งฟ้อง" ผู้ต้องหาคดีระเบิด 21คน


พันตำรวจเอกกฤษณะ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนความคืบหน้าทางคดี ในวันนี้ (24 ตุลาคม) คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนสิ้นกระแสความ "เห็นควรสั่งฟ้อง" ผู้ต้องหากับพวก ตามข้อกล่าวหา พร้อมส่งสำนวน การสอบสวนไปยัง อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาพิจารณา ซึ่งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีการรวบรวมพยานบุคคลกว่า 250 ปาก, พยานเอกสารและนิติวิทยาศาสตร์กว่า 13,000 แผ่น รวม 30 แฟ้ม โดยมีการระดมสรรพกำลังฝ่ายสืบสวน สอบสวน ฝีมือดี จาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล ,ตำรวจภูธรภาค 1, 7, 8 , 9 , กองบัญชาการตำรวจสันติบาล, กองบัญชาการสอบสวนกลาง, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และ หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (EOD) ในการสืบสวนสอบสวน บูรณาการกำลังกับ ฝ่ายทหาร หน่วยงานความมั่นคง กว่า 500 นาย ทำงานทุ่มเท เสียสละ ไม่เหน็ดเหนื่อย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง 

ตำรวจ "เห็นควรสั่งฟ้อง" ผู้ต้องหาคดีระเบิด 21คน


พลตำรวจเอกจักรทิพย์  ขอให้มั่นใจและมีความมั่นใจในคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พลตำรวจเอกสุวัฒน์ เป็นหัวหน้าคณะ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แต่งตั้งขึ้นมาทำงานในคดีนี้ทั้งนี้ ผู้ต้องหาอีก 18 คน ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ดำเนินการประกาศสืบจับในสารบบทั่วราชอาณาจักรและประสานงานผ่านไปยังช่องทางตำรวจสากล (INTERPOL) ออกหมายแดงไว้แล้ว ประกอบกับแจ้งประเทศสมาชิกทั้ง 194 ประเทศ ตรวจสอบแหล่งที่อยู่ผู้ต้องหา และแจ้งความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหา พร้อมประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเฝ้าระวังการเดินทาง เข้า - ออก เพื่อจับกุมตัวและส่งกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

logoline