svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

รองโฆษกตร.เตือนระงับสติอารมณ์การใช้ถนน กรณีซีวิคหัวร้อน

23 ตุลาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยได้รับรายงานเหตุกรณีคลิปร้อนบนโซเชียล หนุ่มซีวิค ทำตัวกร่างใส่คู่กรณีรถชน ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความของทั้งสองฝ่าย หากตรวจสอบแล้วมีความผิดจะเรียกสอบ

วันนี้ 23 ตุลาคม พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์มีการนำเสนอเกี่ยวหนุ่มขับรถเก๋งหัวร้อน ด่ากราด รถยนต์กระบะคู่กรณีที่เฉี่ยวชนกัน พร้อมอ้างรู้จักผู้ใหญ่ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย ว่าได้รับรายงานจาก สภ.พุทธมณฑล ภ.จว.นครปฐม ว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 62 เวลาประมาณ 11.00 น. บริเวณจุดกลับรถ ด้านหน้าพุทธมณฑล บนถนนพุทธมณฑลสาย4 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จว.นครปฐม โดยฝ่ายรถยนต์เก๋งขับมาจากฝั่งถนนเพชรเกษม มากลับรถบริเวณดังกล่าว ต่อมาฝ่ายรถรถยนต์กระบะได้ขับขี่มาในทิศทางตรงจากศาลายา แล้วมาถึงบริเวณจุดกลับรถจึงได้เกิดการเฉี่ยวชนกัน แล้วมีการกระทบกระทั่งพร้อมและพูดจาด่าว่ากัน ตามคลิปที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอไปแล้วนั้นอีกจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คู่กรณีทั้งสองฝ่ายนั้นได้ใช้สิทธิกับบริษัท ประกันภัย ตกลงไกล่เกลี่ย และชดใช้ค่าเสียหายซ่อมรถที่เกิดจากการเกิดเฉี่ยวชนให้แก่กัน
ส่วนในประเด็นที่มีการด่าว่าหรือดูหมิ่นกันนั้น คงต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัวหรือเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน หากเป็นความผิดต่อส่วนตัวแล้วฝ่ายที่เสียหาย จะต้องมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเสียก่อน ส่วนหากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน เจ้าหน้าที่รัฐก็สามารถกล่าวโทษเองเพื่อดำเนินการตรมขั้นตอนของกฎหมายได้




รอง โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ในส่วนของคดีรถยนต์เฉี่ยวชนกันนั้นคู่กรณีได้สมัครใจใช้สิทธิกับบริษัทประกันภัย ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กันไปแล้ว ส่วนในกรณีที่มีการดูหมิ่นด่าว่ากันนั้นก็คงต้องมีการตรวจสอบ ว่าเป็นความผิดอย่างไร มีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้เสียหาย ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม  อีกทั้งตามที่ชายคนดังกล่าวได้พูดในคลิปลักษณะที่ว่า "ตนเองอายุ 24 ปี เป็นลูกเศรษฐี มีรถป้ายแดงคันละล้านสอง มีทุกอย่างที่เจ้าของคลิปไม่มี และตนไม่แคร์ตำรวจ เพราะตนรู้จักนายตำรวจใหญ่" นั้น ถึงแม้จะเป็นการพูดส่วนตัวของคู่กรณี ก็ไม่อยากให้มาพูดพาดพิงหรือส่งผลเสียต่อองค์กรอื่น
โดยหากตรวจสอบแล้วพบว่าการกระทำจากเหตุการณ์ข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายใด ก็จะดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน ไม่มีการยกเว้นว่ารู้จักผู้ใดหรือไม่ โดยที่ผ่านมามักมีการแอบอ้างลักษณะนี้เยอะ ทำให้ประชาชนมององค์กรตำรวจไม่ดี ซึ่งในคดีลักษณะนี้มักจะเกิดการบานปลายมาจากคดีรถเฉี่ยวชน แล้วทะเลาะกัน ทำร้ายร่างกายกัน จนนำไปสู่ความสูญเสีย บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย หรือถึงขั้นเสียชีวิต ได้
ทั้งนี้ขอฝากเตือนประชาชนว่า อย่าใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา การใช้รถใช้ถนนในบางครั้งอาจเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันได้ จึงอยากให้ทุกคนมีสติรู้จักให้อภัยกันอย่าหวังเอาชนะกันบนท้องถนน ซึ่งเมื่อเกิดเหตุกันแล้ว จะต้องเสียเวลาเกิดความลำบาก อีกทั้งอาจจะถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายด้วย

logoline