ถอดรหัสลายพราง 'แดง'แผลงฤทธิ์

'บิ๊กแดง'จะเป็น 'นายกรัฐมนตรี'ในลักษณะไหนตามความหมายของคนเพื่อไทย คงเดากันได้ไม่ยากกับสถานการณ์ชวนอึดอัด ที่พึ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆระหว่าง 'พรรคฝ่ายค้าน'กับ'กองทัพ' ที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึก'ถูกล้ำเส้น' ต่อกรณี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.)มาตรา 1 จนนำไปสู่การเปิดเวทีบรรรยายพิเศษ "แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง"การเปิดเวทีครั้งนั้นของ "บิ๊กแดง"เพื่อไทย สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นใน'กองทัพ'และชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ 'รัฐประหาร' ปี 2549 และ 2557 ที่ส่งผลให้สองอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ยังไม่นับรวมแกนนำ,สมาชิกพรรค แตกกระซ่านกระเซ็น เปรียบเสมือน 'พรรคผึ้งแตกรัง'

เช่นเดียวกับ "บิ๊กแดง"ก็รู้สึกได้ว่าการใช้กลไกของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่ประกอบด้วย สมาชิก ส.ส.ที่มาจากพรรคฝ่ายค้านเกินครึ่ง เชิญไปหารือเรื่องความมั่นคง ทำให้มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อถึงวันนัดหมายวันที่ 21ต.ค. "บิ๊กแดง"ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินไป จ. กาญจนบุรี แต่เช้าตรู่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว(RDF)ของกองพลทหารราบที่ 9 และรับฟังการบรรยายสรุปของ หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า และติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ตำบลไล่โว่ อ.สังขละบุรี

พร้อมส่ง พล.อ.สุนัย ประภูชเนย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) เป็นผู้แทนไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่องความมั่นคง สร้างความไม่พอใจกับสมาชิก ส.ส.ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ พล.ท.พงศกร รอดชมพู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ยืนยันเสียงแข็งเวทีนี้ต้อง "บิ๊กแดง"เท่านั้น

จนทำให้ "บิ๊กแดง"ยกเลิกภารกิจบางส่วนที่ จ.กาญจนบุรี กลับมาเล่นบท'อ่อนนอกแข็งใน'ที่สภาเข้าหารือกับคณะกรรมธิการฯ และในระหว่างพูดคุยบรรยากาศไม่ได้ ดุเดือด เลือดพล่าน อย่างที่คาดการณ์กันไว้ เนื่องจากการใช้กลไกของสภา เป็นตัวกำหนดขอบเขตไว้ชัดเจน ซึ่งแตกต่างกับการเปิดเวทีข้างนอก ภาพที่สะท้อนออกมาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสองฝ่าย
"บิ๊กแดง"กลับออกมาพร้อมไพ่ที่เหนือกว่า ทันทีที่ได้รับการร้องขอจากคณะกรรมาธิการฯ ให้ช่วยเจรจากับ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้ถอนแจ้งความ 7 แกนนำพรรคฝ่ายค้าน กระทำความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 116 กรณีจัดเวทีรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จังหวัดปัตตานี หลังมีนักวิชาการ เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ว่าด้วยประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว ไม่สามารถแยกได้
การใช้เวทีคณะกรรมาธิการฯเปิดโต๊ะเจรจาต่อรองกับ "บิ๊กแดง"เพราะที่ผ่านมา 7 แกนนำพรรคฝ่ายค้านพยายามสืบหาข้อมูลมาโดยตลอดว่า การเสวนาในครั้งนั้น ใครหลุดคำพูดประโยคไหน ท่อนใด ที่เข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 116 เนื่องจากในรายงานบันทึกการแจ้งความไม่ได้ระบุไว้ เพราะนี่คือสาระสำคัญ ที่ต้องนำไปต่อสู้ในชั้นศาล ในขณะที่กองทัพภาคที่ 4 มีพยาน หลักฐานครบถ้วน

ในขณะ"บิ๊กแดง" รับปากช่วยเคลียร์ปัญหาดังกล่าวให้ 7 แกนนำฝ่ายค้าน เพราะเชื่อว่าสามารถประณีประณอมได้ ก่อนจะให้สัมภาษณ์สื่อ

ปิดตายถนนการเมืองของตัวเอง พร้อมยกเหตุผล 2 ประการที่ไม่สามารถก้าวสู่ตำแหน่ง'นายกรัฐมนตรี' ต่อจาก "บิ๊กตู่" ได้เพราะ ยังรับราชการทหาร และดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ซึ่งหากยึดตามรัฐธรรมนูญแล้วถือว่าหมดสิทธิ์

แต่เรื่องการเมืองไม่มีอะไรตายตัว วันนี้ไม่ได้ แต่วันหน้าไม่แน่ เช่นเดียวกับประตู'รัฐประหาร'ที่ยังไม่ถูกปิดตาย ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ กับสถานการณ์ที่ยังต้องประเมินแบบช๊อตต่อช๊อต ขึ้นอยู่กับปัจจัยหรือเงื่อนไขในแต่ละห้วง แต่ละเวลา หากเคลียร์ได้ทุกอย่างก็เดินตามวิถีทาง ที่ควรจะเป็น แต่หากถึงทางตันก็นำไปสู่จุดเปลี่ยนดังวาทะทิ้งทวนของ "บิ๊กแดง"ฝากให้เป็นแง่คิดแก่ฝ่ายการเมืองว่า..
"การเมืองยุคนี้ หากเปรียบเทียบกับ สลากฯ การเมืองยุคใหม่ เหมือน สลากกินรวบ แต่การเมืองแบบเก่า เหมือน สลากกินแบ่ง ซึ่งอาจจะมี มิตรแท้น้อย แต่ไม่มีศัตรูถาวรพูดแบบนี้ นักการเมืองเข้าใจได้ดี จะได้เลือกได้ว่า ชอบแบบไหน"
ใครอยากกินรวบและเป็นศัตรูถาวรกับ "บิ๊กแดง" ก็ต้องคิดหนักกันนิดหนึ่ง