"อนาคตใหม่" เตรียมสอบ "กวินนาถ" ปมสวนมติพรรค

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้เเถลงข่าวถึงกรณีที่ ส.ส.ชลบุรี พรรคอนาคตใหม่ กวินนาถ ตาคีย์ ที่มีการโหวตสวนมติพรรค
โดยนายปิยบุตร บอกว่า พรรคการเมือง คือที่รวมตัวกันของสมาชิกพรรคที่มีความคิดเห็น และอุดมการณ์เดียวกัน จึงต้องมีเรื่องแนวทาง และอุดมการณ์ของพรรคเป็นส่วนสำคัญ
ซึ่ง ส.ส. ทุกคนมีอิสระ เเละมีเอกสิทธิ์ในการลงมติ แต่ในขณะเดียวกัน พรรคการเมืองก็จะต้องมีแนวทางและมีอุดมการณ์ของพรรค หากปล่อยให้ ส.ส. ลงมติได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามมติพรรค ก็ไม่ทราบว่าจะมีพรรคการเมืองไปเพื่ออะไร แล้วก็ไม่ทราบว่า ส.ส. คนนั้นจะสังกัดพรรคการเมืองไปเพื่ออะไร

ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ กว่าจะมีมติพรรค จะต้องมีการประชุมกันระหว่าง ส.ส. กับกรรมการบริหารพรรค เเละมีการอภิปรายถกเถียง เเลกเปลี่ยนกันในที่ประชุม เเละมีการลงมติในที่ประชุม โดยยึดหลักเสียงข้างมาก เเละเคารพเสียงข้างน้อย ซึ่งทางพรรคก็เข้าใจว่า ส.ส. บางคนอาจจะมีเหตุผลบางเรื่องที่ไม่สามารถลงคะเเนนได้ตามมติของพรรค เเต่ก็ต้องคุยกันว่าเหตุผลนั้นเป็นเรื่องอะไร หากเหตุผลเป็นที่ยอมรับได้ก็ไม่มีปัญหา
เเต่ในกรณีของ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ มีการลงมติ สวนมติพรรคถึง 2 ครั้งติดต่อกัน ในรอบ 3 วัน ซึ่งถือเป็นการกระทำความผิดทางวินัย ซึ่งทางคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณของพรรค จะทำการสอบสวน และจะมีการส่งเรื่องมาให้ทางด้านคณะกรรมการบริหารพรรค ทำการวินิจฉัยลงโทษ
นายปิยบุตร ยังบอกอีกว่า จากกรณีของ น.ส.กวินนาถ ได้มีผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่เป็นจำนวนมาก ได้แสดงความไม่พอใจ และมีการเรียกร้องให้ดำเนินการจัดการ
การลงโทษกรณี ส.ส.โหวตสวนมติพรรคมี 4 สถาน คือ ตักเตือน , ภาคทัณฑ์ , ตัดสิทธิ์บางประการ เเละไล่ออก ซึ่งจะต้องวินิจฉัยต่อไปว่าการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิดสถานใดเเต่ในเบื้องต้น จำเป็นต้องสั่งห้าม ให้ร่วมดำเนินการ กิจกรรมใดๆกับพรรคอนาคตใหม่ไปก่อน จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการบริหารพรรค โดยคาดว่าต้องรอให้การเลือกตั้งซ่อม จ.นครปฐม เสร็จสิ้นเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะตัวเเทนพรรค จำเป็นจะต้องขอโทษพี่น้องประชาชนในเขต 7 ชลบุรี ที่ลงคะแนนเสียงเลือก น.ส.กวินนาถ ให้เป็น ส.ส. ด้วยความหวังว่า ส.ส. ทุกคนที่ได้รับความได้รับการคัดเลือกจากประชาชน จะเข้ามาทำหน้าที่ ดำเนินการตามนโยบาย เเละเเนวคิดของพรรค พร้อมขอให้มองพรรคอนาคตใหม่ ด้วยมิติการเมืองใหม่ ที่เป็นพรรคเพื่อประชาชน เเละคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เข้ามาร่วมกันต่อสู้ เปลี่ยนเเปลงให้เป็นการปกครองเเบบประชาธิปไตยเต็มใบ ไม่ได้รวมอำนาจไว้ที่หัวหน้าพรรคคนเดียวตามที่ถูกโจมตี
นายปิยบุตร ยังบอกถึงกรณีกระเเสข่าวความขัดแย้งของ ส.ส. เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ โดยยืนยันว่าทั้ง ส.ส. เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ที่ผ่านมาทำงานได้อย่างดี มีการสร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนอยู่ตลอด ส่วนตัวไม่ทราบ ว่าแหล่งข่าวออกมาแบบนี้ได้อย่างไร เชื่อว่าแหล่งข่าวที่อออกมา คงไม่ประสงค์ดี ยกตัวอย่างในเขต 5 นครปฐม ถือเป็นตัวอย่างที่ดี ที่ทุกคนมาช่วยกันหาเสียงทั้งพรรค
เมื่อวานในเวทีปราศรัย ส.ส. ทั้งหมด ก็ขึ้นเวทีร่วมกัน คิดว่านี่คือข้อพิสูจน์ ว่าการทำงานที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความราบรื่น บทบาทเองก็ปรากฏเด่นชัดในแต่ละบุคคล อย่าง คณะ กมธ. สำคัญ เช่น งบ ก็มี ส.ส. กทม. แบ่งเขต เข้าไปอยู่ใน กมธ. ด้วย เราแบ่งสรรบันส่วนชัดเจน
ทั้งนี้ส่วนตัวอยากให้มองพรรคอนาคตใหม่ แบบใหม่ คือพรรคของมวลชน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง พรรคอนาคตใหม่ คือพรรคที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ นี่คือจุดประสงค์ อนาคตใหม่ไม่ใช่บ้านที่จะให้ใครมาศัยเอาชื่อเสียง พรรคออกแบบให้มีคณะทำงานทั่วประเทศ มีการถ่วงดุลซึ่งกันละกัน ในส่วนกระบวนการทำงานก็ออกแบบประชาธิปไตย พูดคุยกันตลอด เพราะส่วนตัวมองว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าตั้งแต่เริ่มต้นตั้งพรรคมา หัวหน้าพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดโอกาสแลกเปลี่ยนมุมมองเสมอ ข่าวที่ออกไป ย้ำไม่เป็นความจริง
ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ สมาชิกวุฒิสภา สมชาย แสวงการ ได้อภิปรายในที่ประชุมวุฒิสภา โดยพาดพิงถึงตนเอง ที่ได้อภิปรายเรื่อง พ.ร.ก.เคลื่อนย้ายกำลังพล ซึ่งตนมองว่าเป็นการเสียมารยาท ที่นายสมชายพาดพิงถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม ทำให้ตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้สิทธิ์พาดพิงชี้แจงได้ และยังตั้งข้อสังเกตว่า ประธานวุฒิสภาปล่อยให้มีการพูดอภิปรายแบบนี้ได้อย่างไร ส่วนเนื้อหาที่นายสมชายได้พูดถึงนายปิยบุตรมองว่า ไม่เป็นคุณต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตัวเองพร้อมที่จะขึ้นเวทีดีเบตกับนายสมชายทุกที่ และขอว่านายสมชาย อย่าเลือกพูดไปเองฝ่ายเดียว
ทั้งนี้กรณี อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ เตรียมจะยื่นลาออกกับ กกต. ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ มีประมาณกว่า 100 คน นายปิยะบุตรมองว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ซึ่งการลาออกจับไม่ได้ส่งผลกระทบกับพรรค ในการดำเนินการพรรคการเมืองต่อไป ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องความไม่พอใจ ในกระบวนการคัดเลือกการเข้ามาทำหน้าที่ภายในพรรค ซึ่งยืนยันว่าพรรคมีกระบวนการคัดเลือกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่การรวมอำนาจอยู่ที่หัวหน้าพรรคตัดสินใจตามที่ถูกโจมตี

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง