เมื่อเวลา 17.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท โดยชี้แจงในหลายประเด็น โดยเฉพาะที่ส.ส.พรรคฝ่ายค้านระบุว่าการนโยบายหาเสียงไม่สามารถปฏิบัติได้จริง ว่า นโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านรวมกัน หากทำทั้งหมดจะใช้เงินประมาณ 2ล้านล้านบาท เมื่อเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องพิจารณาว่าแต่ละเรื่องควรทำในกรอบแค่ไหน และภายใต้ระยะเวลาเท่าใด ไม่ใช้สัญญาว่าจะทำแล้วไม่ได้ทำ
"ที่สัญญว่าจะทำแล้วไม่ได้ทำ ผิดสัญญา ก็เป็นแบบนี้ทุกรัฐบาลเป็นแบบนี้ เพราะทำไม่ได้จริง ต้องมองข้อเท็จจริงจากผมด้วย เมื่อใครได้มาเป็นรัฐบาลให้มาทำให้ได้ก็แล้วกัน อย่างไรก็ตามผมยืนยันว่าสถานะการคลังของรัฐบาลไม่ถังแตก เพราะมีเงินคงคลังที่สามารถเบิกจ่ายได้ก่อน ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ารัฐบาลมีการจัดเก็บรายได้ ผ่านการรีดภาษีโดยไม่เป็นธรรมนั้น ยืนยันว่าการเก็บภาษีต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น เกษตรกรไม่เสียภาษี คนรวยต้องเสียภาษี ขณะนี้นิติบุคคลต้องเสียภาษี ซึ่งตนเตรียมให้ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลระดับใด"พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง
พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงด้วยว่า สำหรับการลงทุนในโครงการของรัฐ ที่เสนอขอจัดสรร รวม9 หมื่นล้านบาท ยืนยันว่าเพียงพอ เพราะหลายโครงการรัฐบาลให้เอกชนร่วมลงทุน ขณะที่งบประมาณเพื่อเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จำนวน 80 ล้านบาท เพียงพอเพราะใช้ส่วนของการเจรจา ชักจูง และ แมตชิ่ง อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ใช่เจ้าของบริษัท อย่าเข้าใจว่ารัฐบาลทำอะไรก็ได้ เพราะมีหน้าที่อำนวยความสะดวก ออกกฎหมาย เป็นต้น ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ระบุว่าเอกชนจะได้รับที่ดินทอง มูลค่าสูง กรณีพื้นที่มักกะสัน เอกชนจะได้พื้นที่ไปบริหาร จำนวน 140 ไร่ จากเนื้อที่ทั้งหมด 745 ไร่ ทั้งนี้เอกชนไม่ได้ที่ดิน แต่ต้องเช่าโดยรัฐบาลจะได้รายได้จากค่าเช่าระยะ 40 ปี รวม 5.8 หมื่นล้านบาท และหลังจากสิ้นสุดสัญญาเช่าทรัพย์สินต้องโอนให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ส่วนสัญญากับเอกชนที่ระบุว่าไม่เปิดเผยนั้น ตามกฎหมายระบุว่าสัญญาจะเปิดเผยได้หลังจากการลงนามแล้ว 30 วัน ขณะที่พื้นที่ที่จะส่งมอบให้เอกชนลงทุน ล่าสุดมีจำนวน 72 เปอร์เซ็นต์ของโคงการที่พร้อมส่งมอบ
"ที่ท่านท้วงว่าโครงการชิม ชอป ใช้ ควรยกเลิก ต้องไปบอกประชาชน ให้มาบอกผมเพื่อยกเลิก ทั้งนี้ตัวเลขที่ได้จากโครงการไม่ใช่ตัวเลขที่หลอกลวง เพราะมีตัวเลขที่ยืนยันได้ว่าประชาชนพอใจ ทั้งนี้กับการทำงานในสภา ผมเริ่มชินแล้ว แต่ผมอาจจะเสียงดัง และมีท่าทีไม่สง่างามเหมือนท่านที่สมาร์ท ซึ่งตอนนี้ผมเริ่มคุ้นเคย ต่อไปผมทำงานสภาดีกว่า โก้ หรู และอากาศเย็นสบาย"พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง