svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ฝ่ายค้าน" ชี้ จัดงบฯ 63 ไร้ทิศทาง-ปชช.ไม่มั่นใจการรีดภาษี เหตุพบการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

17 ตุลาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ฝ่ายค้าน ชี้ จัดงบฯ 63 ไร้ทิศทาง-ปชช.ไม่มั่นใจการรีดภาษี เหตุพบการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ด้าน "ฝ่ายรัฐบาล"อวยเต็มที่ พร้อมขอทบทวนงบฯ จัดสรรลงพื้นที่เลือกตั้งภาคใต้ "รมว.ท่องเที่ยว"แจงตัวเลขนักท่องเที่ยว เชื่อมีรายได้เข้าประเทศปี 62 กว่า 2.15 ล้านล้านลาท

รัฐสภา - 17 ตุลาคม 2562 -ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวาระก่อนรับหลักการ ส.ส.จากฝ่ายรัฐบาล และ ส.ส.จากฝ่ายค้าน ต่างอภิปรายเพื่อแสดงความเห็นตามจุดยืนของแต่ละฝั่ง

"ฝ่ายค้าน" ชี้ จัดงบฯ 63 ไร้ทิศทาง-ปชช.ไม่มั่นใจการรีดภาษี เหตุพบการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

โดยในฝั่งของส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน เน้นการอภิปรายท้วงติงและให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงรายละเอียด อาทิ นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายช่ือ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยตัวเลขด้านภาษีจากการจัดเก็บ เพราะเชื่อว่ารัฐบาลล้มเหลวต่อการจัดเก็บภาษี เพราะประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อการนำภาษีเพื่อใช้ในโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาและปรับปรุง ทั้งนี้ ธุรกิจสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นธุรกิจที่รัฐบาลผูกขาด แต่พบการหักหัวคิวสลากฯ เป็น 1.8 หมื่นล้านบาท ในปี 2561 ส่วนที่เพิ่มโควต้าและเพิ่มค่าหัวคิว ยังพบความล้มเหลวของการบริหารจัดการ เช่น การจับกุมผู้ค้าสลากรายย่อยที่ขายเกินราคา แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการค้าสลากเกินราคาได้ นอกจากนั้นพบว่ารัฐบาลใช้ภาษีที่ฟุ่มเฟือยและกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนฐานะผู้เสียภาษี อาทิโครงการ ชิม ชอป ที่สามารถใช้กับธุรกิจหรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ แทนจำกัดการใช้เฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ส่วนภาษีมรดกที่เป็นมาตรการเพิ่มรายได้ พบว่าปี 2562 จัดเก็บได้เพียง 451 ล้านบาท เพราะออกมาตรการยกเว้นกับมรดกของกลุ่มเจ้าสัว ส่วนตัวมองว่างบประมาณที่ดีต้องสร้างสวัสดิการ และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้เสียภาษีคือ ประชาชนที่มีความเป็นธรรม

ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายย้ำถึงการจัดสรรงบประมาณ ตามร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ.2563 ว่าไม่เหมาะสม ใน 5 ประเด็นคือ 1.ไร้ทิศทาง โดยเฉพาะทิศทางต่อการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ นอกจากนั้นไม่มีทิศทางที่ทำให้งบประมาณเกิดความสมดุล, 2.ไร้การเรียงลำดับความสำคัญ ต่อการจัดสรรงบประมาณที่แบ่งตามหน่วยงาน ควรเน้นการใช้งบประมาณเพื่อประชาชน, 3.ไร้ความรับผิดชอบต่อสภาฯ และประชาชน เนื่องจากพบการโอนงบประมาณเหลือจ่ายข้ามหน่วยงานในรัฐบาลที่ผ่านมา จนเกิดประเด็นการทุจริตคอร์รัปชั่น ขณะที่งบประมาณเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ปี 2562 พบการใช้งบกลาง จำนวน 2,800 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อรถถัง แทนการใช้จ่ายเพื่อแก้ปัญหาประชาชน ทั้งนี้พบปัญหาน้ำท่วมทำให้รัฐบาลต้องใช้การรับบริจาคแทน, 4.ไร้วินัยการเงินการคลัง ซึ่งตั้งงบผูกพันเพื่อใช้ในการลงทุนถึงปี 2564 กว่าแสนล้านบาท แต่ขาดการตั้งงบประมาณเงินชดเชยการคลัง ทั้งนี้การตั้งงบเพื่อเงินชดเชยคงคลังต้องมีไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท แต่ไม่ปรากฎในร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 63 หากผ่านวาระแรกได้ ในชั้นกมธ. ต้องพิจารณาบรรจุรายละเอียดด้วย และ 5.ไร้หลักการที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ตนทราบข่าวว่ารัฐบาลได้ตั้งงบประมาณผูกพัน ด้านการลงทุนหลายจุด หากดำเนินการโดยที่รางพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2563 ไม่ผ่านสภา และ วุฒิสภา จะรับผิดชอบหรือไม่ เพราะอาจต้องยกเลิกสัญญากับเอกชนหรือผู้รับเหมา


สำหรับการอภิปรายของฝั่งของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เน้นการอภิปรายเพื่อสนับสนุนการจัดสรรงบประมาณ ตามร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่รัฐบาลเสนอขอจัดสรร และยังได้อภิปรายเพื่อท้วงติงให้จัดสรรงบประมาณลงสู่ท้องถิ่นตามเขตเลือกตั้ง อาทิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายโดยยืนยันว่ารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณโดยให้ความสำคัญต่อการสร้างเศรษฐกิจฐานราก และสร้างหลักประกันทางสังคม ผ่านการจัดสรรงบประมาณด้านยุทธศาสตร์สร้างความเสมอภาคทางสังคม จำนวน 7.6แสนล้านบาท คิดเป็น 23.9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการลงทุนรัฐบาล อาทิ โครงการอีอีซี ที่ใช้ความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน จะสร้างความเชื่อมั่นต่อการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ดังนั้นตนขอสนับสนุนร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ.2563

ทางด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายต่อประเด็นแผนบูรณาการการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ มูลค่า 9.7 หมื่นล้านบาท ที่ไม่ดำเนินการในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะปฏิญญาทุ่งสง เพื่อให้การคมนาคมพื้นที่ภาคใต้ที่มีถนนเพียงสายเดียว ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลมองประเทศไทยคือกรุงเทพฯ ที่มีลักษณะคล้ายคนเป็นโปลิโอ หัวโต ขาลีบ เพราะงบส่วนใหญ่ อยู่ที่กทม. ดังนั้นขอให้รัฐบาลจัดงบประมาณเพื่อดูแลท้องถิ่นมากกว่าพื้นที่กทม. ทั้งนี้ตนขอให้ปรับปรุง หากไม่ทันในปี 2563 ขอให้แก้ไขในปีงบประมาณ 2564

ต่อจากนั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการและกีฬา ชี้แจงยืนยันต่อตัวเลขนักท้องเที่ยวชาวจีน ทั้งนี้ยอมรับว่าไตรมาศแรก และไตรมาศสอง มีตัวเลขที่ลดลง แต่ไตรมาศสามพบตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มมากขึ้น 5.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2561 และเดือนสิงหาคม พบตัวเลขที่ 18.89 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งพบการขยายตัว 1.7 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ประมาณการณ์ทั้งปี จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน 11 ล้านคน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวม 40 ล้านคน ขยายตัว 4 ทั้งนี้เชื่อว่าจะมีรายได้ 2.15 ล้านล้านบาท.

logoline