โดยเฉพาะงบประมาณในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ที่ได้รับการจัดสรร 9,812 ล้านบาท ลดลง 599 ล้านบาท หรือลดลง 7.73% ซึ่งจะต้องมีการเตรียมการในด้านข้อมูลเพื่อชี้แจงหากมีการสอบถามมา
ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณปี 2563 ที่ได้รับลดลงนั้น เนื่องจากในปี 2563 ไม่มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายสำหรับใช้ในการรักษาข้าวในสต๊อกที่ค้างมาจากโครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมาซึ่งปกติจะใช้งบประมาณปีละประมาณ 1,500 ล้านบาท พอขายข้าวในสต๊อกได้หมดก็ไม่มีภาระตรงนี้อีกต่อไป
สำหรับรายละเอียดการจัดงบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ปี 2563 ส่วนใหญ่มุ่งเน้นการทำงานตามนโยบาย 10 ข้อที่ได้มอบไว้ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2562 คือ การประกันรายได้ , การยกระดับร้านค้าปลีกรายย่อยเป็นสมาร์ทโชวห่วย , การเร่งรัดการส่งออกและการค้าชายแดน , การเจรจาการค้าเสรี, การเร่งรัดการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI) , การขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ , การยกระดับการอำนวยความสะดวกทางการค้า, การดูแลราคาสินค้าและลริการ และค่าครองชีพ ,การส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจบริการ และการขับเคลื่อนนโยบายผ่านกลไก 3 ฝ่าย
นายจุรินทร์ ยกตัวอย่างว่า ในด้านการประกันรายได้ขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยปาล์มน้ำมัน ได้จ่ายเงินงวดแรกไปแล้ว วันที่1 ต.ค.2562 , ข้าว วันที่ 15 ต.ค.2562 และยางพารา คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้อนุมัติโครงการแล้ว จะจ่ายเงินงวดแรก 1-15 พ.ย.2562 ส่วนสินค้าอีก 2 ชนิดกำลังจะนัดประชุม 3 ฝ่าย โดยมันสำปะหลังนัดไว้ที่ จ.อุดรธานี , ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ จ.เพชรบูรณ์
ขณะที่สินค้าเกษตรอื่นๆ มีมาตรการดูแลอย่างต่อเนื่องทั้งการดูแลราคาและเร่งหาตลาดส่งออก โดยเฉพาะผลไม้จะเดินหน้าเปิดตลาดอินเดียและจีนให้ได้เพิ่มขึ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับความคืบหน้านโยบายเรื่องอื่นๆที่จะมีการดำเนินการต่อในปี 2563 เช่น การยกระดับร้านค้าปลีกรายย่อยเป็นสมาร์ทโชวห่วย จะมีการผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้และใช้ช่องทางออนไลน์ในการค้าขาย , การผลักดันการส่งออก จะเร่งรัดผลักดันการส่งออกไปยังประเทศเป้าหมายและสินค้าเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการขับเคลื่อนการค้าชายแดนและยังได้เตรียมแผนรับมือสงครามการค้า และการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ (Brexit)
นอกจากนี้ จะเดินหน้าผลักดันการขึ้นทะเบียนสินค้า GI รายการใหม่ๆ, การขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ เช่น ไบโออีโคโนมี่เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจแบ่งปัน รวมไปถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยบิ๊กดาต้า , การอำนวยความสะดวกทางการค้าจะมีการพัฒนานำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการงานต่างๆ เพิ่มมากขึ้น , , การดูแลราคาสินค้าและบริการจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลค่าครองชีพรวมถึงการสร้างความเป็นธรรมในการซื้อขายสินค้า เช่น โครการซื้อด้วยความมั่นใจ (BWC), การส่งเสริมธุรกิจบริการ จะเน้นการพัฒนาธุรกิจบริการโลจิสติกส์การขยายตลาดบริการ เช่น สุขภาพและความงาม ดิจิทัลคอนเทนต์ โลจิสติกส์การค้าและบริการสนับสนุน