นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)เปิดเผยว่า อิทธิพลพายุโซนร้อน "โพดุล" และพายุโซนร้อน "คาจิกิ" ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่29 สิงหาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน (15 ต.ค.62 เวลา 06.00 น.) ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ รวม 32 จังหวัดได้แก่ภาคเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ น่าน อุตรดิตถ์พิษณุโลก พิจิตร แม่ฮ่องสอน ลำปาง และสุโขทัย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 จังหวัดได้แก่ นครพนม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มหาสารคาม ขอนแก่น หนองบัวลำภูยโสธร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ สุรินทร์ อุดรธานี เลย ศรีสะเกษ และสกลนครภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี ตราด และสระแก้ว
ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่กระบี่ ระนอง และชุมพร รวม 184 อำเภอ 836 ตำบล 7,293 หมู่บ้านประชาชนได้รับผลกระทบ419,988 ครัวเรือน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 35,006 หลัง ผู้เสียชีวิต 40 ราย(ยโสธร 9 ราย ร้อยเอ็ด 6 ราย อุบลราชธานี 6 ราย อำนาจเจริญ 5 ราย ขอนแก่น 3รายศรีสะเกษ 4 ราย พิจิตร 2 ราย พิษณุโลก 1 ราย มุกดาหาร 1ราย สกลนคร 1 ราย น่าน 1ราย สุรินทร์ 1 ราย) ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี 2 อำเภอได้แก่อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ รวม 2 เทศบาล 2 ชุมชน 21ครัวเรือน
ทั้งนี้ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเจ้าหน้าที่วัสดุอุปกรณ์ยานพาหนะและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ภัยโดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำรถสูบส่งน้ำระยะไกลเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังสำหรับจังหวัดที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย
พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้านทั้งการประกอบอาชีพชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตรปศุสัตว์สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯตลอดจนเร่งซ่อมแซมและฟื้นฟูสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว