วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ระบุ ธปท.เตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อูแลค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากในขณะนี้ โดยคาดว่าจะประกาศใช้ในช่วง 1-2 เดือนนี้ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ส่วนสำคัญมาจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นสิ่งที่ ธปท. และคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. ไม่สบายใจ เพราะธปท.ตระหนักดีว่าจะมีผลต่อผู้ส่งออก และผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยว ดังนั้นจึงจะออกมาตรการเพิ่มเติม 3 กลุ่ม
มาตรการแรก คือ เปิดเสรีให้นักลงทุนไทยทั้งบุคคลธรรมดาและสถาบันออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงให้ผู้ประกอบการส่งออก สามารถพักเงินในต่างประเทศได้ เมื่อมีรายได้จากสกุลเงินต่างประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องโอนเงินกลับมาไว้ในประเทศไทย รวมถึงเปิดให้ผู้ประกอบการเข้ามาทำธุรกิจด้านเงินตราต่างประเทศและการโอนเงินข้ามประเทศมากขึ้น เพื่อช่วยลดต้นทุนการโอนเงินการทำธุรกรรมในประเทศ
มาตรการที่สอง ธปท.จะเข้าไปดูเงินไหลเข้าไหลออก ที่เข้ามาจากการซื้อขายทองคำ เพื่อลดแรงกระแทก และไม่ให้มีผลกระทบต่อค่าเงินบาท แต่ไม่ใช่การจำกัด หรือควบคุมการซื้อขายทองคำ
ส่วนมาตรการสาม คือ จะดูแลโครงสร้างการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด เช่น การส่งเสริมให้มีการนำเข้าวัตถุดิบ เครื่องจักร มาผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งการทำมาตรการเหล่านี้จะทำให้ลดแรงกดดันของค่าเงินบาทมากขึ้น
นอกจากนี้ สิ่งที่ภาครัฐและเอกชนสามารถผลักดันร่วมกันทำได้คือ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล โครงการสมาร์ทซิตี้ การเตรียมระบบนิเวศเพื่อรองรับ IOT รวมทั้งระบบ 5G เนื่องจากโครงการเหล่านี้ มีความจำเป็นต้องนำเข้าอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงควรใช้โอกาสที่ค่าเงินบาทแข็งนี้ ส่งเสริมให้มีการนำเข้า เพื่อช่วยให้เกิดการวางรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล