svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

นาซา เผยโลก อยู่ในช่วงครึ่งทศวรรษที่ร้อนที่สุดในรอบ 120 ปี

10 ตุลาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา ได้เผยว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ องค์การนาซา (NASA) กล่าวว่า ในปีคศ.2018 เป็นอีกปีหนึ่งทีร้อนที่สุด โดยอุณหภูมิที่วัดได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปีคศ. 1951 -1980 อยู่ 0.83 องศาเซลเซียส (หรือ 1.5 องศาฟาเรนไฮต์)

นับว่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 4 นับตั้งแต่ได้มีการบันทึกมาตั้งแต่ปีคศ. 1880 ในความเป็นจริง 5 ปีที่ผ่านมานั้นเป็น "ปีที่ร้อนที่สุดตั้งแต่มีการตรวจวัดแบบสมัยใหม่" ซึ่งในปี 2016 ถือเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยปี 2017 จะมาเป็นอันดับสองและอันดับสามในปี 2015 
โดยนักวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาอวกาศจากสถาบัน Goddard ของนาซ่า (GISS) ในเมืองนิวยอร์ก ได้ข้อสรุปว่า จากสถิติดังกล่าวทำให้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงครึ่งทศวรรษที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรอบ 120 ปี
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) กล่าวว่าอุณหภูมิในปีคศ. 2016 คือปีที่ทำลายสถิติปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยในยุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 1.2 องศาเซลเซียส เนื่องด้วยได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์เอลนีโญกำลังแรง ทำให้ความร้อนในชั้นบรรยากาศมีค่าสูงขึ้นกว่าปกติ เป็นผลให้อุณหภูมิของน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนเพิ่มสูงขึ้นตามมาด้วย
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งสหราชอาณาจักร ได้ออกมาเตือนถึงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเมื่อเปรียบเทียบระหว่างค่าก่อนยุคอุตสาหกรรมกับในปัจจุบัน ถือเป็นการเพิ่มขึ้นที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ซึ่งหากการเพิ่มขึ้นยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้มีความเป็นไปได้ถึง 10 % ที่อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 1.5 องศาเซลเซียสในปีใดปีหนึ่งในช่วงระหว่างปีคศ. 2019 - 2023 
โดยองค์การ NASA ได้กล่าวเสริมว่า อุณหภูมิดังกล่าวอาจจะเกิดการผันผวนได้ตามแต่ละภูมิภาค แต่บริเวณอาร์กติกจะเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนรุนแรงที่สุด เห็นได้จากธารน้ำแข็งที่หดตัวและมีการลดลงของจำนวนน้ำแข็งในทะเลอย่างต่อเนื่อง อุณหภูมิในระยะยาวมีแนวโน้มสูงขึ้น
ในส่วนของนักวิจัยจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก มีความเห็นว่าควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับแนวโน้มสถิติของอุณหภูมิในระยะยาวมากกว่าการจัดอันดับให้กับอุณหภูมิสูงสุดที่เกิดขึ้นในแต่ละปีเนื่องจากหลายๆ  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีกเรื่อยๆในปีถัดไป และดูเหมือนภาวะโลกร้อนน่าจะสร้างสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดอีกในปีคศ. 2019 เนื่องจากอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นในแต่ละปีนับตั้งแต่ปีคศ. 2001 เป็นต้นมา เกิดขึ้นทั้งหมด 18 ครั้งแล้วในรอบ 19 ปี ซึ่ง Dr. Gavin Schmidt ผู้อำนวยการแห่งสถาบัน GISS ได้กล่าวไว้ว่า ปีคศ. 2018 เป็นปีหนึ่งที่มีอุณหภูมิสูงเป็นลำดับต้นๆ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกได้เพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 2 องศาฟาเรนไฮต์หรือประมาณ 1 องศาเซลเซียส ซึ่งเวลาที่ยาวนานที่โลกต้องเผชิญในปีที่ร้อนที่สุดดูจะสำคัญเหนือกว่าการจัดอันดับความร้อนให้กับโลกในแต่ละปี
ผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ผลค่าวิเคราะห์อุณหภูมิขององค์การนาซ่าที่ได้จากการรวบรวมอุณหภูมิผิวพื้นทั้งหมดที่ได้จากสถานีตรวจอากาศภาคพื้นกว่า 6,300 แห่ง รวมทั้งการสำรวจอุณหภูมิที่ผิวน้ำทะเลที่ได้จากเรือ ทุ่น และสถานีวิจัยในแอนตาร์กติกาทั้งหมด โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาได้เกิดอุณหภูมิสูงขึ้นมากอย่างผิดปกติทั้งที่วัดได้จากบนภาคพื้นดินและมหาสมุทร ซึ่งอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกได้ถึงสภาพอากาศที่มีความรุนแรงและผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและระบบนิเวศน์อีกด้วย สิ่งสำคัญที่ทั่วโลกควรตระหนักขณะนี้คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการวางมาตราปรับตัวกับสภาพภูมิอากาศ เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก ตามข้อมูลจากองค์กรจัดการด้านสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติหรัฐอเมริกา (NOAA) ระบุว่า นับตั้งแต่ที่มียุคการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมมาจนกระทั่งเริ่มมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวนมากออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ ก๊าซเรือนกระจก เหล่านี้ทำให้อุณหภูมิในชั้นบรรยากาศใกล้ผิวโลกมีค่าสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นวงกว้าง จนทำให้รูปแบบสภาพอากาศทั่วโลกนั้นเกิดความแปรปรวนในที่สุดShaun Martin จากองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล กล่าวว่า นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เตือนว่าอนาคตของเราจะไม่เหมือนกับในอดีต แม้ว่าเราจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมากในไม่กี่ปีข้างหน้า แต่สิ่งต่างๆ ก็จะแย่ลงกว่าเดิมก่อนที่มันจะดีขึ้น และภาวะโลกร้อนจะยังคงเป็นอันตรายต่อธรรมชาติและผู้คนทั่วโลกต่อไป
อุณหภูมิเฉลี่ยรายปีของประเทศไทย
สำหรับอุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทย เมื่อพิจารณาในช่วงเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2524-2561) พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยรายปีของไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น ในอดีตกลางวันและกลางคืนอุณหภูมิแตกต่างกัน ค่อนข้างมากซึ่งไม่ได้ร้อนทั้งวัน แต่ปัญหาสภาพอากาศในปัจจุบันนี้คือ ลักษณะอากาศมีความร้อนอบอ้าวทั้งวัน ทั้งที่กลางคืนควรจะเย็นลงกลับไม่เย็น อุณหภูมิต่ำสุดและสูงสุดใกล้เคียงกันโดยอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 30-40 องศาเซลเซียส ทำให้คนรู้สึกถึงอากาศที่ร้อนจัด จากข้อมูลภูมิอากาศในอดีตค่าเฉลี่ยอุณหภูมิต่ำสุดของประเทศไทยคือ 22 องศาเซลเซียส แต่ในปัจจุบันอุณหภูมิต่ำสุดกลับสูงขึ้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 25 - 30 องศาเซลเซียส ในขณะที่อุณหภูมิสูงสุดมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1-2 องศาเซลเซียส ซึ่งสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นมาผิดปกตินั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงในหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตามในส่วนของการเปลี่ยนแปลงปริมาณฝนรายปีในประเทศไทยยังไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากมีความผันแปรไปตามปัจจัยที่ก่อให้เกิดฝนในแต่ละปี แต่สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือจำนวนวันที่ฝนตกมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ความเข้มของฝนที่ตกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-6675081/Earth-justexperienced-FOURTH-hottest-year-record.htmlที่มา https://www.tmd.go.th/programs//uploads/weatherclimate/re now in the warmest half-decade in over 120 years.pdf

logoline