svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ประยุทธ์" ลั่นสู้ความยากจน ไม่ใช่สู้รบ

09 ตุลาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทรืโอชา เยี่ยมชมสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สั่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นดิจิทัลฮับอาเซียน ย้ำวันนี้เป็นนายกฯ ที่ต้องต่อสู้กับความยากจน ไม่ใช่บังคับบัญชาเพื่อการรบ

นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางมาเยี่ยมชมภารกิจของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และร่วมประชุม "แนวทางการพัฒนาประเทศไทยสู่ ASEAN Digital Hub" 
โดยสั่งการให้ดีป้า เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN Digital Hub) ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐสำคัญอย่าง "ไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเลย์" พื้นที่เมืองอัจฉริยะในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand) ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน และขยายตลาดในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล 
อีกทั้งเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ทดสอบ ทดลองนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนก้าวสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ "ไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเลย์" จะเป็นแหล่งพัฒนาวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น หรือ ดิจิทัล สตาร์ทอัพ สัญชาติไทยใน 6 สาขา ประกอบด้วย 
เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรและอาหาร (AgTech) , เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (EdTech) , เทคโนโลยีด้านการเงิน (FinTech) , เทคโนโลยีด้านสาธารณสุข (HealthTech) , เทคโนโลยีเพื่อการให้บริการภาครัฐ (GovTech) , เทคโนโลยีเพื่อการท่องเที่ยว (TravelTech) 
ก่อนทำงานร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ จากต่างประเทศ ทั้งด้านไอที การวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ ซอฟท์แวร์ คอนเวอร์เจนซ์ ฮาร์ดแวร์ ฯลฯ ในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมด้านดิจิทัล
นอกจากนี้จะต้องเร่งยกระดับศักยภาพกำลังคน ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะสาขาดิจิทัล หุ่นยนต์ อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง การวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ผ่านความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรูปแบบใหม่ที่จะผลิตบุคลากรรองรับอาชีพแห่งอนาคต อาทิ หลักสูตรการเขียนโปรแกรมสั่งการอากาศยานไร้คนขับ (Drone) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ เป็นต้น 
ซึ่งทั้งหมดถือเป็นการแสดงความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูงของภูมิภาคในอนาคต
นายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจและชื่นชมหุ่นยนต์จินนี่ ที่ได้นำมาจัดแสดงที่ทำเนียบรัฐบาลในวันประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา โดยหุ่นยนต์จินนี่มีราคาสูงถึงตัวละ 800,000 บาท ซึ่งนายกฯ อยากให้มีการผลิตขึ้นเอง พร้อมได้ทักทายหุ่นยนต์ว่าจะเดินไปไหน และชมว่าคนไทยเก่ง มีความสามารถ แต่เหตุใดถึงไม่นำหุ่นยนต์จินนี่มาใช้ประโยชน์ในเรื่องอื่น ถัดไปเยี่ยมชมเครื่องตรวจวัดค่าคุณภาพอากาศ ที่สามารถแสดงผลแบบ Real Time ซึ่งพบว่าวันนี้มีสภาพอากาศที่ดีโดยแสดงสัญลักษณ์ขึ้นแถบสีเขียว ซึ่งนายกฯ ตัดพ้อด้วยว่า หากมีปัญหานิดหน่อย คนไทยก็จะชอบวิพากย์วิจารณ์ ตำหนิ 
จากนั้น พลเอก ประยุทธ์ พบปะเหล่าดิจิทัล สตาร์ทอัพ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ ชมการแสดงผลงานของดิจิทัล สตาร์ทอัพ และภารกิจของดีป้าในด้านต่างๆ โดยบอกว่า มีความสุขที่ได้พบกับสตาร์ทอัพ เพราะคืออนาคตของประเทศ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศ ถูกต่อยอดมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ทั้งสิ้น 
พร้อมระบุ วันนี้ทุกคนบ่นเรื่องกฎหมาย แต่ยืนยันสามารถแก้ไขได้ เพราะถูกร่างด้วยมนุษย์ แต่ต้องเป็นไปตามกลไก ส่วนตนเองก็พยายามปรับตัวเองให้ทันสมัย  แต่ก่อนเป็นทหาร สั่งคนไปรบ แต่เมื่อเป็นนายกฯ ก็ต้องช่วยเหลือคนจน และทำทุกอย่างให้เท่าเทียมกัน และจะต้องพาไปให้หมดด้วยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 หรือรถไฟขบวนที่ 12 ของลุงตู่ 
ทั้งนี้จากการพูดคุยกับ"ดีป้า" เห็นความตั้งใจ แต่อยากเห็นการเชื่อมโยงและช่วยกัน หากรวมกลุ่มกันมารัฐบาลจะส่งเสริมให้ตรงกลุ่ม และหากผลิตภัณฑ์ไหนมีคนใช้และมีข้อมูล ให้ส่งเข้ามาที่ภาครัฐ โดยพร้อมจะส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้ บางทีลงพื้นที่ตามตลาด ก็มาบ่นว่าค้าขายไม่ดี อยากให้ช่วยใช้มาตรา 44 แต่มาตรา44 ไม่มีแล้ว และไม่ใช่ว่าจะสั่งใครได้
ขณะที่กลุ่มสตาร์ทอัพ ได้ฝากนายกฯ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น เรื่องครุภัณฑ์ และฝากเรื่องอธิปไตยการลงทุน หรือ การสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม ซึ่งนายกฯ บอกว่า เรื่องนี้น่าห่วง อำนาจอธิปไตยยังเป็นของคนไทยทุกประการ พร้อมรับเรื่องของกลุ่มสตาร์ทไว้
นายกฯ กล่าวว่า ขอให้กลุ่มสตาร์ทอัพเชื่อลุงบ้าง เชื่อไม่หมดก็ไม่เป็นไร บางครั้งอาจจะพูดเยอะ เพราะต้องการให้เข้าใจตรงกัน ที่ผ่านมาถูกกล่าวหาว่าไม่เข้าใจการบริหารประเทศ โจมตีเรื่องเศรษฐกิจ แต่ก็อยู่มา 5 ปี และเรื่องดังกล่าวก็ไม่แย่ หลายอย่างมีปัญหามานานจึงต้องร่วมมือกันปรับเปลี่ยนให้ได้ แบบ Stronger Together 
จากนั้นได้กล่าวล้อเล่นกับกลุ่มสตาร์ทอัพว่า จะเลิกเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อมาเป็นนายก Start Up แทน เพราะรู้สึกมีความสุข พร้อมบอกสื่อมวลชนว่า วันนี้อย่าให้มีเรื่องการเมือง และงดให้สัมภาษณ์

logoline