การลงพื้นที่ในครั้งนี้ รชค. ได้เข้าร่วมประชุมและรับฟังรายงานแผนพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่น จากรองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่และอาคารจอดรถยนต์ ท่าอากาศยานขอนแก่น โดยโครงการดังกล่าวมีบริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง และบริษัท เอพซิลอน โซลูชัน แอนด์คอนซัลแทนท์ จำกัด เป็นบริษัทที่ปรึกษาควบคุมโครงการก่อสร้าง ซึ่งโครงการดังกล่าว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง บนเนื้อที่ 1,113 ไร่ งบประมาณการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 2,004,900,000.- บาท เริ่มโครงการเมื่อเดือน สิงหาคม 2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน กุมภาพันธ์ 2564
โดยภายหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จท่าอากาศยานขอนแก่นจะมีพื้นที่อาคารที่พักผู้โดยสาร เพิ่มขึ้นจากเดิมขนาด 16,500 ตารางเมตร เป็น 44,500 ตารางเมตร และสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น จากเดิม 1,000 คน ต่อชั่วโมง เป็น 2,000 คนต่อชั่วโมง หรือ 5 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์หลังใหม่ และปรับปรุงอาคารจอดรถยนต์หลังเดิม ให้สามารถรองรับได้สูงสุด 1,002 คัน จากเดิมจอดได้เพียง 450 คัน ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าของโครงการไปแล้ว 28.83% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 )
สำหรับโครงการด้านความปลอดภัยท่าอากาศยานขอนแก่น ได้ติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธและวัตถุอันตรายแบบ Explosive Detection System ; (EDS) X-ray พร้อมด้วยระบบสายพานสัมภาระ ห้องควบคุมและอุปกรณ์ วงเงินงบประมาณ 143,622,291.- บาท โดยมี บริษัท จี.จี. เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นผู้รับจ้าง ขณะนี้โครงการดังกล่าว ได้ดำเนินการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อตุลาคม 2561 การติดตั้งระบบดังกล่าวเพื่อพัฒนาปรับปรุงกระบวนการการตรวจค้นตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสัมภาระลงทะเบียน ณ จุดแสดงตนก่อนขึ้นเครื่อง (Counter Check - in) ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
ทำให้เกิดความอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร ที่สอดคล้องข้อกำหนดมาตรฐานและข้อพึงปฏิบัติ (SAPRs) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) ซึ่งกรมท่าอากาศยานได้เร่งดำเนินการติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธวัตถุอันตราย EDS ให้แล้วเสร็จทุกท่าอากาศยาน ในความดูแลของกรมท่าอากาศยาน ภายในปีงบประมาณ 2562
ปัจจุบันท่าอากาศยานขอนแก่น เปิดให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศ 6 เส้นทาง คือ 1.เส้นทาง ดอนเมือง ขอนแก่น ดอนเมือง จำนวน 3 สายการบิน ได้แก่ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินนกแอร์ รวมไป-กลับ วันละ 24 เที่ยวบิน 2.เส้นทาง สุวรรณภูมิ ขอนแก่น สุวรรณภูมิ ไป- กลับ วันละ 12 เที่ยวบิน 3.เส้นทาง เชียงใหม่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ไป - กลับ สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 4.เส้นทาง หาดใหญ่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ไป-กลับ สัปดาห์ละ 6 เที่ยวบิน 5.เส้นทาง ภูเก็ต ขอนแก่น ภูเก็ต ไป- กลับ สัปดาห์ละ 8 เที่ยวบิน และ 6.เส้นทาง อู่ตะเภา ขอนแก่น อู่ตะเภา ไป- กลับ สัปดาห์ ละ 6 เที่ยวบิน โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย
ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2560 มีจำนวนผู้โดยสาร จำนวน 1,703,209 คน และในปี พ.ศ. 2561 มีจำนวนผู้โดยสาร 1,830,012 คน ในปี 2562 มีจำนวนผู้โดยสาร 1,413,177 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 ) จากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ท่าอากาศยานขอนแก่น มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี โดยท่าอากาศยานขอนแก่นได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ด้วยบริการรถสาธารณะ ณ ท่าอากาศยาน ได้แก่ รถแท็กซี่มิเตอร์ การบริการรถเช่า และรถซิตี้บัส ในเส้นทาง สนามบิน เข้าเมือง บขส.3
ในการนี้ รชค. ได้มีข้อสั่งการว่าให้เร่งดำเนินการ โครงการก่อสร้างอาคารที่พักหลังใหม่ ให้เป็นไปตามแผนการก่อสร้างเพื่อเป็นการขานรับนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 เมืองรอง ซึ่งจังหวัดขอนแก่นเป็นประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการบริการด้วยหัวใจ ให้ทุกท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยาน เป็น SMART AIRPORT ภายใต้ความปลอดภัยตามมาตรฐาน ของ ICAO
.
รวมถึง รชค. ได้ให้ความสำคัญกับการให้บริการประชาชนในเรื่องของการรักษาความสะอาดทั้งห้องน้ำภายในสนามบิน และพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสาร นอกจากนี้จังหวัดขอนแก่นได้รับการรับรองจากสภาหัตถกรรมโลกให้เป็นเมืองแห่งผ้ามัดหมี่โลก รชค. จึงต้องการให้เชิญชวนผู้ประกอบการนำผ้าไหมมัดหมี่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาจัดแสดงที่ท่าอากาศยาน อีกด้วย สำหรับอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ต้องการให้มี Walking Space ให้เสมือนเป็น Shopping Mall ขนาดย่อม มีร้านอาหารอร่อย จัดมุมถ่ายรูปสวยๆ และ จัดแสดง สินค้าOTOPของจังหวัด เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนสร้างอาชีพและมีรายได้