15 มาตรการ ..เพื่อแก้ปัญหา 'ฝุ่น PM2.5' ในเขตกรุงเทพ และพื้นที่ภาคเหนือ
1.ตั้ง 'คณะกรรมการอากาศแห่งชาติ' โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ เพื่อยกระดับความสำคัญของปัญหาอากาศ ต่อมาจึงแยกย่อยเป็นคณะกรรมการระดับจังหวัด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีความรู้ความสามารถได้เข้ามามีส่วนร่วม
2.ต้อง 'ตั้งเป้า' ลดปริมาณรถควันดำลงให้ได้ 80% ภายใน 1 ปี โดยใช้มาตรการตรวจจับควันดำอย่างเข้มงวด รวมไปถึงเพิ่มมาตรฐานการตรวจสภาพรถยนต์เพื่อต่อภาษี และต้องมีบทลงโทษต่อตรอ.รวมถึงเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกที่มีส่วนในความบกพร่อง
3.กระทรวงอุตสาหกรรรมต้องส่งเสริมรถไฟฟ้า EV อย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงพลังงานต้องสนับสนุนให้มีสถานีชาร์จอย่างเพียงพอภายใน 1-2 ปี โดยเฉพาะในปั๊มน้ำมันที่เป็นรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังต้องมีมาตรการจูงใจประชาชนให้เปลี่ยนมาใช้รถ EV เหมือนในต่างประเทศที่สนับสนุนด้านภาษี
4.ติดตั้งหอฟอกอากาศขนาดสูง โดยใช้หอต้นแบบจากเมือง 'ซีอาน' ประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก ฟอกอากาศครอบคลุมพื้นที่ต้นละ 10 กิโลเมตร ไม่ใช่แบบต้นเล็กที่ฟอกได้เพียงแค่ 1,000 ตารางเมตร ที่กำลังเป็นข่าวว่ากทม.กำลังจะทำ
5.จัดทำ safety zone ในทุกโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก บ้านพักคนชรา โรงพยาบาล สถานที่ราชการ รวมถึงแหล่งชุมชนทุกแห่ง ให้สามารถรองรับประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงได้ ในช่วงเวลาที่ค่าฝุ่นพุ่งสูงเกิน 100 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
6.กรมควบคุมมลพิษ กรมอุตุฯ และกระทรวงสาธารณสุข ต้องบูรณาการการแจ้งเตือนร่วมกัน โดยจัดทำ 'แอพพลิเคชั่น' ที่ประชาชนเข้าถึงได้ในวงกว้าง หรือเชื่อมแอพพลิเคชั่นดังกล่าวกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น Line เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงการแจ้งเตือนได้อย่างแท้จริงและทันท่วงที
7.สำหรับพื้นที่ภาคเหนือต้องใช้มาตรการ 'การตลาดนำการเกษตร' เป็นหลัก เพื่อให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชที่ไม่ต้องเผา โดยขอความร่วมมือจากภาคเอกชน อาจเป็นในรูปแบบการทำคอนแทคฟาร์มมิ่ง และสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีกับภาคเอกชนที่ให้ความร่วมมือ
8.กำหนดให้มีความรับผิดชอบทางด้านกฎหมาย ต่อผู้ประกอบการที่รับซื้อข้าวโพด/อ้อย เพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ และเพื่อการอื่นๆทั้งระบบ เพื่อมิให้รับซื้อจากแปลงที่มีการเผา รวมถึงส่งเสริมการใช้ 'บทลงโทษทางสังคม' ต่อผู้ประกอบการที่ขาดจิตสำนึกสาธารณะ
9.ส่งเสริมแนวทางการ 'เพาะเห็ดถอบ' โดยต่อยอดจากงานวิจัยของมช. เพื่อหาแนวทางให้ประชาชนในภาคเหนือเลิกเผาป่าเพื่อหาเห็ดถอบ และหันมาเพาะเอาแทน
10.แก้ปัญหาและหาแนวทาง 'การขนย้ายตอซังข้าวโพด' จากที่ราบสูงรวมถึงพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำตอซังส่งขายโรงไฟฟ้าชีวมวล หรือจุดรับซื้อต่างๆได้ ในที่นี้อาจประสานข้อมูลกับโครงการ 'โรงไฟฟ้าชุมชน' ของกระทรวงพลังงานที่กำลังริเริ่มอยู่ เพื่อพิจารณาที่ตั้งโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ให้กระจายทั่วถึงในแต่ละพื้นที่ที่มีการเผา
11.รัฐบาลต้องเร่งสนับสนุน 'ร่างกฎหมายอากาศสะอาด' ที่กลุ่ม 'เครือข่ายอากาศสะอาด' ได้เป็นผู้ริเริ่มไว้ และตั้งองค์กรที่รับผิดชอบด้านอากาศทั้งระบบภายใต้กฎหมายดังกล่าว โดยจะมีหน้าที่ดูแลอากาศทั้งองคาพยพในระยะยาว
12.เร่งเจรจาความร่วมมือระดับพหุภาคีกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน กรณี 'ฝุ่นควันพิษข้ามพรมแดน' โดยต้องมีข้อตกลงในการลดและควบคุมสาเหตุร่วมกันอย่างชัดเจน ที่สำคัญกรอบระยะเวลาต้องไม่ยาวมากเกินไป
13.สร้างสื่อประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งผู้ใช้รถยนต์ เกษตรกร ผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักถึงผลเสียจากฝุ่น PM 2.5 โดยต้องทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าปัจจัยการเกิดฝุ่นได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
14.ปรับวิสัยทัศน์ทางด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้คำนึงถึงความสำคัญของต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมที่ประเทศต้องเสียไปในแต่ละปี เพื่อเป็นข้อพิจารณาในการกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายต่างๆ จะได้ไม่เกิดเหตุซ้ำอีก
15.ข้อสุดท้ายนี้สำคัญที่สุด คือ 'การวางคนให้เหมาะสมกับงาน' อย่าตั้งตำแหน่งใดๆเพียงเพราะเหตุผลทางการเมือง หรือมาจากเส้นสายของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง แต่ควรเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนที่มีความรู้และประสบการณ์อย่างแท้จริงเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
ปล.ที่เสนอไปทั้งหมดนี้ มาจากการรับฟังผู้ที่มีใจแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 หลายท่าน บางข้อมีอยู่ในมติครม.แล้ว แต่หลายข้อก็ยังไม่มี ซึ่งรัฐบาลควรเปิดใจรับฟังประชาชนให้มากขึ้น
#ฝุ่นPMแก้ได้ถ้าทุกฝ่ายร่วมใจ