ฮ่องกงยื่นฟ้องผู้ชุมนุมฝ่าฝืนข้อบังคับห้ามสวมหน้ากาก

นักศึกษาชาย วัย 18 ปี และหญิงว่างงาน วัย 38 ปี ถูกนำตัวขึ้นศาล โดยถูกตั้งข้อกล่าวหาเข้าร่วมการชุมนุมที่ไม่ได้รับอนุญาตช่วงคืนวันศุกร์ถึงเสาร์ และปกปิดใบหน้าระหว่างร่วมชุมนุม ที่เป็นการละเมิดข้อบังคับห้ามสวมหน้ากากที่มีผลบังคับใช้ในวันเสาร์ ศาลอนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองคน แต่มีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกฮ่องกงและห้ามออกนอกบ้านภายใต้เวลาเคอร์ฟิว รวมทั้งรายงานตัวต่อตำรวจสัปดาห์ละครั้ง สองคนนี้เป็นผู้ประท้วงกลุ่มแรกที่ถูกดำเนินคดีภายใต้ข้อบังคับใหม่ และอาจต้องรับโทษจำคุก 1 ปีหรือปรับราว 97,000 บาท ขณะที่ด้านนอกศาลมีผู้สนับสนุนกว่า 100 คนรวมตัวตะโกนว่า "ปกปิดใบหน้าไม่ใช่อาชญากรรม ไม่มีเหตุผลต้องออกกฎหมายห้าม"


จนถึงขณะนี้มีผู้ประท้วงถูกจับกุมรวมอย่างน้อย 13 คนฐานปกปิดใบหน้าขณะเข้าร่วมการชุมนุม และล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการแจ้งให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งรวบรวมจำนวนนักเรียนที่จะสวมหน้ากากไปโรงเรียน หรือ จัดการชุมนุมประท้วง หรือโดดเรียนประท้วงในวันอังคารที่ 8 ต.ค.นี้ ที่จะเป็นวันเปิดเรียนวันแรกหลังการหยุดยาวช่วงวันชาติจีนและหลังการออกข้อบังคับห้ามสวมหน้ากาก แต่ไม่ต้องแจ้งชื่อนักเรียนเพราะต้องการตัวเลขเพื่้อประเมินสถานการณ์

คริส แพทเทน อดีตผู้ว่าฮ่องกงคนสุดท้ายจากอังกฤษ ให้สัมภาษณ์แสดงความวิตกต่ออนาคตของฮ่องกง หากแคร์รี หล่ำ ผู้นำฮ่องกงไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการเจรจากับประชาชน และกลัวว่าสักวันจะมีผู้ประท้วงถูกยิงจนเสียชีวิตในระหว่างที่การชุมนุมยังยืดเยื้อ เขากล่าวด้วยว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของฝ่ายบริหารฮ่องกงและรัฐบาลปักกิ่งที่ทำให้ชาวฮ่องกง ที่รักสันติและมีเอกภาพ ออกมาเดินขบวนบนท้องถนน และผู้นำฮ่องกงต้องบ้าไปแล้วถึงตัดสินใจออกมาตรการอย่างการห้ามสวมหน้ากากเข้าร่วมชุมนุม 

ด้านเจ้าหน้าที่ดับเพลิงฮ่องกงแสดงความวิตกว่าผู้ประท้วงอาจผลิตระเบิดเพลิงที่มีอานุภาพรุนแรงขึ้นตามคู่มือการผลิตระเบิดเพลิงที่แพร่สะพัดในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสูตรใส่ฟอสเฟอรัสขาว  สารเคมีติดไฟเองได้ ซึ่งจะทำให้ระเบิดเพลิงมีความรุนแรงขึ้น ไม่อาจคาดเดาได้ และดับได้ยาก แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบระเบิดเพลิงชนิดนี้จากพื้นที่ชุมนุม