โดยการเสวนาดังกล่าว อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชลิตา บัณฑุวงศ์ พูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ซึ่งการนำเสนอแนวคิดและเจตนาของนักวิชาการดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับเชิญจากผู้ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ย่อมต้องทราบกรอบ ขอบเขตและเนื้อหา ซึ่งการเสนอแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 1 แต่พรรคการเมืองที่เข้าร่วมเสวนา ไม่ได้ให้ข้อมูลในลักษณะท้วงติง เพื่อให้เห็นถึงประวัติศาสตร์การเมืองและความสำคัญของรัฐธรรมนูญว่าเหตุผลและความสำคัญอย่างไรที่รัฐธรรมนูญไทยต้องมีบทบัญญัติมาตรา 1 ไว้ ไม่สามารถแก้ไขได้ และความจำเป็นที่ต้องรักษาไว้ ซึ่งความเป็นรัฐเดียว ไม่สามารถแบ่งแบกได้ แต่กลับมีพฤติกรรมเหมือนรู้เห็นเป็นใจและมีส่วนร่วมสนับสนุน คล้อยตามว่าจำเป็นและสมควรที่ต้องแก้ไขมาตราดังกล่าว
จากพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 มาตรา 49 มาตรา 255 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 21 และ 22 ซึ่งมีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำผิดอันเป็นเจตนาเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
"คนเป็นหัวหน้าพรรคจะปฏิเสธไม่ได้ ว่าไม่เกี่ยวข้อง เพราะทั้ง 7 พรรค เป็นเจ้าภาพจัดงานเสวนา ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ว่าทั้ง 7 พรรคจะไม่ทราบขอบข่ายการเสวนา จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เหมือนนั่งรถไปคันเดียวกันแล้วถูกจับ จะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้ว่าคนในรถเขาคิด เขาไปยิงใครมา อย่างนี้พวกท่านไปทำไมถ้าไม่รู้วัตถุประสงค์ ยิ่งพวกท่านเป็นเจ้าภาพในการจัดงานยิ่งหนักเข้าไปอีกในเรื่องวัตถุประสงค์ มันเห็นเจตนา จะบอกว่าเป็นความผิดไม่สำเร็จไม่ได้ เพราะแค่มีความคิดก็ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว เนื่องจากความคิดจะถูกนำไปขับเคลื่อนสู่สิ่งอื่นต่อไป และการแสดงความคิดดังกล่าวก็เผยแพร่สู่สื่อสาธารณะรับรู้โดยทั่วกันนายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวว่า เห็นควรให้ กกต.ตรวจสอบพฤติกรรมของ 6 พรรคการเมือง ซึ่งประกอบไปด้วยพรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ ประชาชาติ เพื่อชาติ พลังปวงชนไทยและเสรีรวมไทย และตรวจสอบว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเกี่ยวข้องหรือไม่ เมื่อตรวจสอบแล้วเข้าข่ายเชื่อได้ว่า 7 พรรคได้กระทำการดังกล่าวก็ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรค จากนี้ ตนและเครือข่ายจะไปพิจารณาให้สิทธิยื่นเรื่องผ่านอัยการและศาลรัฐธรรมนูญอีกทางหนึ่งด้วย