มาตรการห้ามการสวมหน้ากากและอุปกรณ์ปกปิดใบหน้าทุกชนิด และการระบายสีบนใบหน้าระหว่างการชุมนุมทางการเมืองที่ไม่ได้รับอนุญาต กำหนดมีผลบังคับใช้ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเข้าสู่เช้าวันนี้ 5 ต.ค.ตามเวลาในฮ่องกง หลังจากนางแคร์รี หล่ำ หัวหน้าคณะผู้บริหารฮ่องกง แถลงเมื่อบ่ายวันศุกร์ประกาศใช้อำนาจตามกฎหมายความคุมสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งถูกบัญญัติขึ้นสมัยฮ่องกงเป็นอาณานิคมของอังกฤษเพื่อออกข้อบังคับใหม่นี้ แต่เธอยืนยันชัดเจนว่า ฮ่องกงยังไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน
รัฐบาลฮ่องกงหวังว่ากฎหมายห้ามสวมหน้ากากนี้จะสามารถยับยั้งผู้ประท้วงก่อความรุนแรงที่สวมหน้ากากและผู้ก่อจลาจลได้ ผู้ฝ่าฝีนจะต้องโทษจำคุก 1 ปีหรือปรับ 25,000 ดอลลาร์ฮ่องกงหรือเกือบ 97,000 บาท แต่มาตรการห้ามสวมหน้ากากกลับสร้างความโกรธแค้นให้กับผู้ประท้วงมากยิ่งขึ้น โดยมีผู้ชุมนุมรวมตัวปิดกั้นถนนและก่อความรุนแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา รวมทั้งยังประกาศ จะยกระดับการประท้วงขึ้นอีก
ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญยังตั้งข้อสังเกตถึงความยากลำบากในการบังคับใช้กฎหมายเพราะผู้ประท้วงจะหาช่องโหว่ในการสวมหน้ากากด้วยการแสดงใบรับรองแพทย์ว่าป่วย ทำให้ต้องเสียเวลาตรวจสอบอีกว่าป่วยจริงหรือไม่ และล่าสุดมีนักเคลื่อนไหวยื่นฟ้องร้องในศาลเพื่อยับยั้งกฎหมายห้ามสวมหน้ากากแล้ว โดยบอกว่า กฎหมายนี้เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการเข้าร่วมการชุมนุมอย่างสันติและผู้ชุมนุมที่ไม่สามารถสวมหน้ากากจะตกอยู่ในความเสี่ยงเผชิญการตอบโต้จากนายจ้างที่อาจมีจุดยืนทางการเมืองต่างกัน
กฎหมายควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2465 สมัยฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ให้อำนาจผู้นำฮ่องกงออกข้อบังคับใดๆตามที่เห็นสมควร หากมีสถานการณ์ฉุกเฉินหรือสถานการณ์อันตรายต่อสาธารณชน กฎหมายนี้ให้อำนาจเซนเซอร์ จับกุม คุมขัง และเนรเทศ ตลอดจนควบคุมท่าเรือ ระบบคมนาคมขนส่งทั้งหมด และตรวจค้นสถานที่ต่างๆ เคยมีการใช้อำนาจตามกฎหมายนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2510
ที่ปรึกษาของรัฐบาลฮ่องกง บอกว่า ความวุ่นวายในสังคมขณะนี้ไม่อาจแก้ปัญหาได้ด้วยกฎหมายห้ามสวมหน้ากาก และอาจต้องพิจารณาออกมาตรการขั้นต่อไป ซึ่งอาจรวมถึงการให้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้นานขึ้น หรือ ห้ามประชาชนเข้าถึงโซเชียล มีเดียในช่วงสถานการณ์พิเศษ ก่อนหน้านี้สมาคมตำรวจชั้นประทวนก็เสนอให้ใช้มาตรการเคอร์ฟิว กำหนดพื้นที่หวงห้าม หรือใช้มาตรการอื่นๆ เพื่อเพิ่มอำนาจให้ตำรวจสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพในการจัดการควบคุมฝูงชน
ขณะที่นักการเมืองหนึ่งในสองคนในฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล ที่ไม่ร่วมลงชื่อออกแถลงการณ์สนับสนุนกฎหมายห้ามสวมหน้ากาก บอกว่า ในเมื่อรัฐบาลออกกฎหมายห้ามสวมหน้ากากตามข้อเรียกร้องของตำรวจแล้ว ก็ควรตอบสนองข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนการใช้กำลังของตำรวจกับผู้ชุมนุมแต่ดูเหมือนว่า เวลานี้มีแต่การใช้ไม้เรียว ไม่มีการให้รางวัล
นอกจากนี้นักวิชาการเตือนว่า การใช้อำนาจตามกฎหมายฉุกเฉินอาจเป็นทางเลือกที่อันตรายอย่างมาก และอาจทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกแห่ถอนการลงทุนออกจากฮ่องกง หลังจากธุรกิจค้าปลีกและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก