svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"ลัลลาเบล" เหยื่อทรชนและสังคมทราม เพราะงานรักษากฎหมายล้มเหลว

26 กันยายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ความตายของ "ลัลลาเบล" ซึ่งแพทย์ผู้ตรวจชัณสูตรศพสรุปสาเหตุว่า เนื่องจากการดื่มสุราเข้าไปจนเกินขนาด ทำให้เกิดอาการหัวใจวายนั้น! ปัญหาสำคัญคือ ในทางกฎหมาย ถือว่าเธอตายจากการสมัครใจดื่มเหล้าด้วยความสนุกสนานมากไปเอง หรือมีใครรู้เห็นและเป็นคนทำให้ตายในรูปแบบหนึ่งแบบใดหรือไม่?

นอกจากการสอบสวนและความพยายามในการดำเนินคดีไม่ว่าข้อหาใดกับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องกระทำอย่างสอดคล้องกับพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่แน่ชัดไม่มีการเสริมแต่งคำพยาน หรือ"มั่ว"ไปตามกระแสสร้างความเสียหายเหมือนหลายคดี! หรือแม้กระทั่งหวังโชว์ผลงานจนเกิดความไม่เป็นธรรมไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งผลสุดท้าย แจ้งข้อหาไม่ว่ากับใครแล้ว หากอัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือฟ้องไปแล้วศาลยกฟ้อง ก็จะเกิดความเสียหายต่อผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายตามมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหา หรือแม้กระทั่งผู้เสียหายเอง



การออกหมายจับน้ำอุ่นซึ่งเป็นเด็กหนุ่มใน "วงจรโลกีย์ไทย" คนหนึ่งไม่ต่างจากเด็กหนุ่มหลายแสน หรืออาจนับล้านคนทั่วไปทั้งในเมืองหลวงและชนบท ตำรวจนำกำลังไปจับตัวตามหมายถูกใส่กุญแจมือคุมตัวมาตอนดึกดื่นนั้น ไม่ได้เป็นข้อสรุปว่า เขาได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาอย่างแน่แท้แต่อย่างใด?



เนื่องจากประเทศไทยกำหนดมาตรฐานการออกหมายจับบุคคลไว้เพียง"มีพยานหลักฐานตามสมควรว่าน่าจะได้กระทำความผิด" ที่มีโทษจำคุกเกินสามปีขึ้นไป ตำรวจก็สามารถเสนอศาลออกหมายจับได้!ไม่จำเป็นต้องมีหมายเรียกสองครั้ง เหมือนคดีที่มีโทษต่ำกว่านั้น แต่หลายคดีที่มีโทษสูงไม่ต่างกัน หรือแม้กระทั่งหนักกว่า ตำรวจก็อาจใช้วิธีออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาแทนออกหมายจับหรือแม้กระทั่งโทรศัพท์นัดหมายให้มาพบเพื่อรับทราบข้อหากันเงียบๆ ก็ได้เหมือนหลายคดี!เพื่อที่จะได้ปล่อยตัวกลับไปหลังแจ้งข้อหา อ้างว่า ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จะมีประกันหรือไม่ก็ได้ ไม่มีข้อห้ามที่เป็นมาตรฐานการปฏิบัติใดๆ?



สำหรับกระบวนการยุติธรรมอาญาประเทศไทย เมื่อบุคคลใดถูกออกหมายจับแล้ว การพิสูจน์ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดตามข้อกล่าวหาจริงหรือไม่ ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิสูจน์แสดงพยานหลักฐานให้ศาลรับฟังได้อย่างปราศจากข้อสงสัยและพิพากษาลงโทษต่อไปใช้เวลาอีกนานเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ต่างไปจากมาตรฐานสากลทั่วโลก ที่การแจ้งข้อหาเขาล้วนถือหลัก "ปราศจากข้อสงสัย" แต่แรกด้วยกันทั้งสิ้น โดยกำหนดให้พนักงานอัยการผู้มีหน้าที่ฟ้องคดีเป็นผู้ตรวจพิจารณาพยานหลักฐานก่อนออกหมายเรียกบุคคลนั้นเป็นผู้ต้องหา รวมทั้งก่อนเสนอศาลออกหมายจับด้วย


ส่วนอัยการประเทศไทย กลับไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือรับรู้พยานหลักฐานอะไรในระหว่างการสอบสวนหรือแม้กระทั่งการแจ้งข้อหานี้เลย!




สำหรับข้อกล่าวหา ที่บางคนตั้งหลักแต่แรกว่า ถือเป็นการฆ่าคนตายโดยเจตนาแบบเล็งเห็นผล โดยมีนักกฎหมายบางคนพยายามอธิบายไปทางนั้นซึ่งน่าจะเป็นการขยายความจากกฎหมายจนเกินจริงไป ประเด็นถัดมา คือการฆ่าโดยไม่เจตนา ตามที่ส่วนใหญ่เชื่อกันว่า น่าจะเป็นผลมาจากการใส่ยากระตุ้นอารมณ์เพศหรือ "ยาเสียสาว" เกินขนาดซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เข้าข่าย เพราะ"ถือเป็นการประทุษร้าย" แต่บังเอิญทำให้บุคคลถึงแก่ความตายโดยไม่เจตนา

แต่เมื่อตรวจไม่พบยาหรือสารแปลกปลอมอะไร การตั้งข้อหานั้นก็ทำไม่ได้ส่วนข้อหาประมาท ก็ต้องมีข้อเท็จจริงแน่ชัดว่า เป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งส่งผลทำให้ลัลลาเบลถึงแก่ความตายแต่พยานหลักฐานไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นสุดท้าย ถูกออกหมายจับข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยว จนเป็นเหตุให้บุคคลถึงแก่ความตายก็ไม่มีใครแม้กระทั่งอัยการผู้มีหน้าที่ต้องฟ้องคดีทราบว่า การสอบสวนมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอะไรว่า ลัลลาเบลพยายามออกจากสถานที่ใด แล้วมีใครยื้อยุดปิดกั้น หรือกระทำด้วยประการใดๆ เป็นการหน่วงรั้งที่ผิดกฎหมายไว้จนทำให้ถึงแก่ความตาย เป็นความผิดตามข้อหานี้?ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ต้องตั้งคำถามไปถึงรัฐบาลผู้รับผิดชอบชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนทุกคนในประเทศว่า




เหตุใด สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยในย่านบางบัวทอง กลับมีการต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตและจัดห้องหับประดับไฟแสงสีเสียงในลักษณะที่ไม่ต่างไปจากสถานบริการเจ้าของบ้านสามารถจัดงานปาร์ตี้โดยมีการว่าจ้างหญิงสาวที่เรียกกันว่า "พริตตี้ราคาหลากหลาย" มาให้ชายกลัดมันทุกวัยมอมเหล้าให้เมากันได้แทบทุกวัน!



เพื่อนบ้านละแวกนั้นบอกว่า การจัดงานปาร์ตี้ของเจ้าของบ้านหลังนี้ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญอย่างมาก และได้มีการแจ้งให้ตำรวจมาดำเนินการหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่สามารถยับยั้งการจัดงานดังกล่าวได้ทำให้หญิงสาวหลายคนต้องเดินเข้าไป "เป็นเหยื่อ" รายแล้วรายเล่า!บางคนก็รอดมาปากเหยี่ยวปากกาออกมาได้ แต่ลัลลาเบลเพียงโชคร้ายกว่าเพื่อนและน้องพริตตี้คนอื่นเท่านั้น!




นี่ถ้าเธอไม่ถึงขั้นเสียชีวิต เพียงดื่มเหล้าเมาหลับไปในที่นั้น แล้วมีใครกระทำอนาจารล่วงละเมิด หรือแม้กระทั่งรุมข่มขืน!เมื่อตื่นขึ้นมา เธอจะสามารถแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจสถานีท้องที่ให้สอบสวนดำเนินคดีให้เธอได้ง่ายๆ หรือไม่?


ซึ่งชายไทยที่มีพฤติกรรมไม่ต่างจากทรชนก็รู้ปัญหาและจุดอ่อนของหญิงทุกคนในประเทศไทยดี มีแต่การปฏิรูประบบงานสอบสวนคดีความผิดทางเพศของชาติให้หญิงผู้เสียหายสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ด้วยความสะดวกใจอย่างแท้จริงเท่านั้น ที่จะแก้ไขป้องกันการข่มขืนกระทำอนาจาร และภัยทางเพศรูปแบบต่างๆ ที่จะเกิดกับหญิงทุกคนในประเทศได้

logoline