ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าเขาจะคิดสั้นเลยใช่ไหม
นะโม : "ไม่มีเลยค่ะ ไม่มีจริงๆ เพราะโมคุยกับน้องเกือบทุกวัน ไม่ว่าจะโทรคุย แชทคุย หรือคุยผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ เราติดต่อน้องตลอด และน้องก็ติดต่อเราตลอด เพราะฉะนั้นเราอัปเดตชีวิตกันตลอดเวลา ตกเย็นมาเขาก็จะบอกเดี๋ยวไปฟิตเนสแล้วนะ วันนี้น้ำหนักเขาลงกี่กิโลกรัม เขาแชร์ทุกอย่างให้ทราบหมดเลย มันไม่มีเหตุการณ์บอกเราเลย"
ที่เขาโพสต์ข้อความเศร้าๆ ในทวิตเตอร์และอินสตาแกรม เราเห็นไหม
นะโม : "เห็นค่ะ ก็ถามเขาว่ามีอะไรหรือเปล่า คือถ้าเป็นข้อความที่เรารู้สึกได้ เราจะบอกเขาให้โทรมาคุยสิ มีเรื่องอะไร บางทีก็คุย บางทีก็จะไม่ได้คุยกัน แต่ข้อความสุดท้ายที่น้องโพสต์ เราไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการสั่งลาหรือใดๆ เพราะปกติน้องจะโพสต์ข้อความแบบนี้ที่เป็นข้อความสั้นๆ ให้แง่คิด น้องโพสต์มาโดยตลอดในโซเชียลมีเดียของเขา"
ในทวิตเตอร์เขาโพสต์ไว้ว่า จะถึงวันสู่อิสระภาพแล้ว
นะโม : "อันนี้คือที่เราเข้าใจเองนะคะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงาน ไม่ใช่งานในวงการ แต่เป็นโปรเจกต์อื่นที่เขาทำอยู่ แล้วเราคิดว่าโปรเจกต์นี้ขาทำมานาน และน่าจะสำเร็จแล้ว แค่นั้น"
ออม : "เพราะทุกงานหรือทุกกิจกรรมที่เขาทำ เรารับรู้ตลอด เราแชร์กันตลอด พี่ถึงบอกว่ามันไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น"
อาการโรคซึมเศร้าของเขาดีขึ้นหรือแย่ลงยังไงบ้าง
นะโม : "ไม่มีอะไรเลยค่ะ เวลาเจอน้องยังคุยพูดจากันปกติแบบนั้นเลย"
ออม : "สดใส ร่าเริง เล่นมุกปกติ"
นะโม : "ต้องย้อนกลับไปหลายปี น้องจะพูดกับโมเสมอว่า ผมว่าผมเป็นนะ ผมเช็กลิสต์ดูแล้ว ผมว่าจาก 9 ข้อ ผมรู้สึกเป็น 7 ข้อเลยนะ แต่โมไม่เชื่อเขา บอกว่าเป็นอุปทานเดี่ยว ไม่จริงหรอก เราไม่เชื่อเขามาโดยตลอด เป็นเดือนๆ เลยค่ะที่เขาพูดแบบนี้กับเราเสมอ จนวันหนึ่งเขาโทรมา แล้วเราคุยอะไรกันสักอย่างเราจำไม่ได้ แต่ประโยคที่ทำให้เรารู้สึกว่าน้องไม่ปกติแล้วก็คือ ถ้าไม่มีผมอยู่สักคน มันคงจะดีกว่านี้ เราเลยรีบหาเบอร์หมอแล้วโทรนัดในวันรุ่งขึ้น พี่ก็ไปหาหมอกับเขาด้วย"
เขาพูดนานหรือยัง
นะโม : "นานแล้วค่ะ หมานถึงเรื่องที่น้องมีภาวะของการเป็นซึมเศร้าเนี่ย เป็นหลายปีแล้วค่ะ"
คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้เป็นโรคซึมเศร้า
นะโม : "เท่าที่เรารู้ คือน่าจะเป็นความผิดหวังซ้ำๆกัน แต่ว่าความผิดหวังในที่นี้ เป็นเรื่องอะไรบ้าง เราไม่ทราบจริงๆ หนึ่งในนั้นมีเรื่องงานแน่นอนค่ะ"
เรื่องความรัก อกหัก เหมือน กีฟ เคยโพสต์ว่าเขาชอบมาปรึกษาเรื่องความรัก เกี่ยวไหม
นะโม : "เราไม่ได้คุยกับน้องเรื่องนี้ โดนปกติโมไม่ค่อยคุยเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ ถ้าสมมติว่าเรารู้สึกว่าน้องมีเรื่องอะไร เราถามน้องตอบ เราก็ฟัง เป็นผู้รับฟังที่ดี แต่ถ้าถามแล้วน้องไม่ตอบ เราก็จะไม่กดดันน้อง"
ปัญหาหนักสุดที่เราเคยคุยกับเขาคือเรื่องอะไร
นะโม : "ไม่มีเรื่องอะไรที่แบบเป็นเรื่องหนักเลย ถ้าเป็นเรื่องที่เขารู้สึกคือ เรื่องเขาเป็นห่วงแม่ ก็จะมาช่วงหนึ่งที่คุณย่าหรือคุณยายเสีย แล้วคุณแม่ก็ไม่สบาย ทำใจยอมรับไม่ได้ เขาก็จะเป็นห่วงแม่มาก"
กรณีที่บอกว่ามีการไปค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อน มีความชัดเจนมากน้อยเพียงใด
นะโม : "เรื่องนี้โมไม่เคยทราบเลย ไม่ทราบจริงๆค่ะ ต้องถามมดดำเลย มดดำสนิทกับน้องจริงๆนะคะ"
นะโม : "ไม่ทราบเลยค่ะ ถ้าตามที่โมเห็นในข่าว คือมดดำออกมาบอกในรายการแฉ"
แสดงว่ามีการไปค้ำประกันให้บุคคลนั้นจริงๆ
นะโม : "ไม่ทราบจริงๆค่ะ"
ได้คุยกับมดดำหรือยัง
นะโม : "เมื่อวานได้คุยกันนะคะ มดดำก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้"
เขามีปัญหาเรื่องเงินจริงไหม
นะโม : "ปัญหาเรื่องเงิน เท่าที่โมทราบ ที่เป็นข่าวเรื่องกรณีของบ้านเช่า อันนั้นโมอยู่ด้วย อยู่กับน้องตอนที่มันเป็นข่าว ส่วนกรณีเรื่องอื่นๆ น้องไม่เคยมาหยิบยืมเงิน น้องไม่เคยมีปัญหากับเรา ในเรื่องที่จะจัดสรรสำหรับเรา เพราะฉะนั้นเราเลยไม่ทราบว่าน้องมีปัญหาเรื่องนี้"
จากที่เราให้สัมภาษณ์ว่าน้องก็มีงานเรื่อยๆ ไม่น่าจะขัดสนเรื่องเงิน
นะโม : "ใช่ค่ะ แล้วน้องก็ไม่เคยมีปัญหากับเราเลย"
ไม่เคยมาหยิบยืมเราเลยใช่ไหม
นะโม : "ใช่ค่ะ น้องดูแลเราตามที่นักแสดงคนอื่นจะดูแลผู้จัดการ"
เราคิดว่าน้องตัดสินใจจากไปด้วยสาเหตุอะไร
นะโม : "ด้วยภาวะของการเป็นซึมเศร้า เราคิดว่าเขามีปัญหาหลายๆอย่างปนๆกัน เรื่องส่วนตัว เรื่องงานในวงการไม่มีแน่นอน เรายืนยัน เพราะว่าทุกอย่างเป็นในทิศทางที่ดีมากๆนะคะ แต่เรื่องงานโปรเจกต์อื่นๆ อันนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เราก็ไม่ทราบเหมือนกัน"
ได้คุยกับแฟนของน้องบ้างหรือยัง เป็นอย่างไรบ้าง
นะโม : "ช็อคค่ะ เราเพิ่งเจอแฟนน้อง แล้วก็ตัวน้อง เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาเอง ก็ไม่ได้ดูมีทีท่าว่าจะมีปัญหา หรือมีทะเลาะเบาะแว้ง ทุกอย่างก็ดูรักกันดีนะคะ แล้วเมื่อวานนี้ น้องก็บอกเหมือนกันกับเรา ว่าไม่มีวี่แวว ไม่มีสัญญาณ ไม่ดีอะไรใดๆเลย คือน้องปวดท้อง แล้วน้องก็ทานยา ก่อนที่น้องจะหลับไป เหมก็บอกกับแฟนเขาว่าเดี๋ยวนัดคุยงานกับพี่โมนะตอน 16.00 น. ไม่ต้องไปนะ เดี๋ยวเขาขับรถไปเอง ก็คือแค่นั้น แล้วแฟนน้องก็เลยหลับ แล้วตื่นมาก็มาเจอ"
เห็นว่าในมือเหม ถือแว่นกำไว้แน่น มีอะไรไหม
ออม : "ปกติน้องใส่แว่นคะ สายตาสั้นค่ะ แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรพิเศษเลย"
ตอนที่น้องไปรักษาโรคซึมเศร้า ได้ทานยาไหม
นะโม : "ทานยาค่ะ ทานยาสม่ำเสมอ คลิปที่ทุกคนเห็นกัน ที่แชร์กันอยู่ตอนนี้ เป็นคลิปที่น้องทำเมื่อน้องรู้สึกดีขึ้นแล้ว น้องทำ แล้วน้องก็บอกว่า อันนี้เดี๋ยวเราทำ แล้วก็บอกคนอื่นนะ ว่าให้ระวังเรื่องนี้ เพราะว่าตัวเขาผ่านเรื่องนี้มา เขาก็อยากแชร์ให้คนอื่นฟัง ก่อนที่เขาจะโพสต์เขาส่งให้เราดู เราดูแล้วก็บอกโอเค ทำเลย แล้วเขาก็ทำอีกหลายๆอันด้วยค่ะ เป็นข้อความ เป็นอะไร ทำด้วยตัวเขาเองเลย"
ออม : "คือน้องก็หลังๆ อย่างที่ออมให้สัมภาษณ์ไปเมื่อตอนกลางวัน น้องเล่นโซเชียลน้อยลง น้องอ่านหนังสือเยอะขึ้น เมื่อเค้าเจอแง่คิดดีๆ หรืออะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า เค้าอาการดีขึ้น ซึ่งมันก็ดีขึ้นจริงๆ เค้าก็อยากที่จะแชร์และอยากที่จะบอกต่อว่า มันสามารถที่จะดีขึ้นได้นะ เรามีวิธีคิดแบบไหนยังไง นี่คือสิ่งที่เค้าอยากบอกต่อ เวลาเค้ามีโปรเจ็ค พวกเราซัพพอร์ตเสมอ"
อย่างล่าสุดมีการพูดถึงจดหมายลาตาย ได้เห็นไหม
นะโม : "โมไม่ได้เห็น แต่โมรับทราบมาเมื่อวานนี้ว่าได้มีการเขียนแบบนี้ แต่โมไม่เคยเห็น น้องไม่เคยเล่า คือเวลาที่เค้ามีความทุกข์อะไรแบบนี้เขาไม่ค่อยบอก ไม่ค่อยเล่าอย่างละเอียดเท่าไหร่ เพราะเขารู้เราเป็นห่วงเขา เราเป็นห่วงเขามาก ถ้าวันไหนเหมบอกนอนไม่หลับ เราต้องอยู่ด้วยตี 3 ตี 4 เพื่อที่จะเช็คว่านอนหรือยัง เช้ามาเราต้องเช็คว่าตื่นรึยัง เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่า เขารู้ว่าเรารักเขา เขาก็เลยไม่เอาเรื่องทุกข์ใจมาเล่า เขาก็เลยไม่บอกอะไร"
ได้ถามแฟนน้องไหมว่า เหม เขียนอะไรลงในจดหมายฉบับนั้น
นะโม : "ไม่ได้ถามเลย แฟนเขาก็อยู่ในสภาพที่ไม่ปกติ โมก็ช็อคมากจริงๆ ในวินาทีที่น้องตัดสินใจไม่ไหวแล้ว เรายังนั่งรอน้องอยู่เลย"