พาราเซตามอล สามารถใช้เป็นยาแก้ปวดลดไข้ได้ทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย หาซื้อได้ง่าย และเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกวิธี เพราะไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ไม่ทำให้เลือดออกง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่แพ้ยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือในผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก หรือมีภาวะเลือดออกง่าย โดยสรรพคุณของ ยาพาราเซตามอล คือ
ใช้เป็น ยาลดไข้ แก้ตัวร้อน
ใช้เป็นยาแก้อาการปวดทุกชนิดในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ยาแก้ปวดศีรษะ ยาแก้ปวดฟัน ยาแก้ปวดหลัง ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อ เคล็ดขัดยอก ยาแก้ปวดประจำเดือน รวมถึงอาการปวดเมื่อเป็นหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ แต่ยาชนิดนี้ ไม่มีฤทธิ์ในการช่วยลดการอักเสบของร่างกาย
ไม่สามารถช่วยระงับอาการปวดระดับรุนแรงได้เช่น อาการปวดจากแผลผ่าตัดใหญ่ หรือจากมะเร็
ยาพาราเซตามอล เป็นยาที่สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ ส่วนการใช้ยาที่เหมาะสม คือ
ควรกินห่างกันอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง
เด็ก : 10-15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวเด็ก 1 กิโลกรัม ไม่ควรกินเกิน 5 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง
ผู้ใหญ่ : 500 มิลลิกรัมไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน (8เม็ด / วัน)
ไม่กินยาร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ใช้ยาเฉพาะเวลามีอาการ
แม้ว่าจะปลอดภัย แต่การใช้ยาพาราเซตามอล ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ โดยผลข้างเคียงที่เด่นชัดที่สุดคือเป็นพิษต่อตับถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือใช้มากเกินขนาด (มากกว่า 140 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม) ก็อาจทำให้เซลล์ตับถูกทำลาย และทำให้เป็นโรคตับวายเฉียบพลัน จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ในที่สุด
หากกินยาพาราเซตามอลแล้วเกิดอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ในทันที
อุจจาระเป็นเลือด หรือมีสีดำ
ปัสสาวะเป็นเลือด หรือปัสสาวะน้อยลงโดยไม่มีสาเหตุ
มีไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ
ปวดหลังส่วนล่างอย่างรุนแรง
มีจุดแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามผิวหนัง มีผื่นคัน
มีแผลร้อนใน หรือ จุดขาว ๆ ขึ้นที่ริมฝีปาก หรือภายในช่องปาก
เลือดออกผิดปกติ, เหนื่อยง่ายผิดปกติ
ตาเหลือง ตัวเหลือง
ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุว่า พาราเซตามอล มีความเสี่ยงต่อคนท้อง อย่างชัดเจนแต่ถึงอย่างนั้น หากกำลังตั้งครรภ์อยู่ ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง
สำหรับคุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมลูก ยาพาราเซตามอลสามารถถูกขับออกทางน้ำนมได้ แต่แม้ว่าจะยังไม่มีการห้ามใช้ในสตรีที่กำลังให้นมบุตร หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรเหลีกเลี่ยง
ควรเก็บยาในภาชนะบรรจุเดิมปิดให้สนิท และเก็บให้พ้นจากเด็ก และสัตว์เลี้ยงเสมอ
ควรเก็บยาที่อุณหภูมิห้องไม่ถูกแสงแดดและความร้อน ไม่เก็บในที่ที่มีอุณหภูมิสูงว่า 30 องศาเซลเซียส และไม่เก็บยาในบริเวณที่มีความชื้นสูง เพราะความร้อนและความชื้น อาจทำให้ยาเสื่อมคุณภาพได้
สำหรับยาน้ำเมื่อใช้แล้วควรปิดขวดให้สนิท และเก็บอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส หลังเปิดขวดแล้ว สามารถใช้ยาต่อไปได้ไม่เกิน 3 เดือน หากยายังไม่เสื่อมสภาพ
หากพบว่ายาหมดอายุหรือเสื่อมสภาพแล้ว เช่น มีสีหรือกลิ่นเปลี่ยนไป เม็ดยาแตกหัก ควรทิ้งทันที