svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"ชูวิทย์" ชี้ "ค้ามนุษย์" ไม่มีวันหมดจากประเทศไทย

26 กันยายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จากกรณี13 องค์กรต้านการค้ามนุษย์ ตั้งข้อสงสัย ศาลสั่งไม่ฟ้อง คดีวิคตอเรีย ซีเครท เชื่อผู้ทรงอิทธิพลมีเอี่ยววิคตอเรีย ซีเครท สั่งดำเนินคดีแต่เป็น ความผิดฐานค้าประเวณี ไม่ใช่ความผิดฐานค้ามนุษย์

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 กันยายน ที่สำนักกลางนักเรียนคริสเตียน (สนค.) ถนนพญาไท ราชเทวี กรุงเทพฯ คณะทำงานเครือข่ายองค์กรผู้หญิงและเด็ก และเครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ 13 องค์กร จัดงานแถลงข่าวและเสวนาในหัวข้อ "ผู้ทรงอิทธิพลทางการเงินในคดีค้ามนุษย์" โดยมี นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม, นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ผู้อำนวยการมูลนิธิรณสิทธิ์, นางชลีรัตน์ ทิมบุตร ผู้ประสานงานมูลนิธิพิทักษ์สตรี และน.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม ร่วมแถลงข่าว
นางชลีรัตน์ กล่าวว่า ในการดำเนินคดีวิคตอเรีย ซีเครท แม้ว่าในปัจจุบันนี้ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาออกมาแล้วและผู้กระทำความผิดถูกดำเนินคดีแต่เป็น ความผิดฐานค้าประเวณี ไม่ใช่ความผิดฐานค้ามนุษย์ ทั้งที่มีการนำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีมาแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ ขณะที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Tip Report) ให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความพยายามในการแก้ไขและตรวจสอบปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง 2 ปี ติดต่อกัน แต่การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย และแนวทางในการช่วยเหลือผู้เสียหายที่ถูกแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากการค้ามนุษย์ด้านเพศยังน้อยมาก ทั้งยังขัดกับข้อมูลสถิติคดีค้ามนุษย์ ของสำนักงานคดีค้ามนุษย์ที่แสดงให้เห็นว่าในแต่ละปีนั้น มีการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในกรณีแสวงหาผลประโยชน์ด้านเพศมากที่สุด เช่น ในปี 2562 มีจำนวนคดีค้ามนุษย์ทั้งหมด 233 คดี เป็นการแสวงหาประโยชน์การค้าประเวณี จำนวน 154 คดี
นางชลีรัตน์ กล่าวต่อว่า คดีวิคตอเรียมีการตัดสินผู้ต้องหาที่เป็นพนักงานไปหลายคนแต่ตัวของกำพล และนิภา ซึ่งเป็นเจ้าของวิคตอเรีย ซีเครทยังไม่ได้ตัวมาฟ้องคดี แต่ภายหลังทนายความรับมอบอำนาจจากนิภามายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้ทบทวนความเห็นสั่งฟ้องคดี ซึ่งหน่วยงานผู้มีอำนาจและรับผิดชอบก็กลับคำสั่งเดิมของตนเองแล้วสั่งไม่ฟ้อง ทางเครือข่ายฯ จึงเห็นว่าควรทำหนังสือเพื่อขอให้หน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบในประเด็นดังต่อไปนี้ 1.การที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปแล้วนั้น แต่ทำใบมอบอำนาจมาร้องขอความเป็นธรรมเป็นการมอบอำนาจชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2.การกลับคำสั่งเดิมของหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณา ควรจะมีระบบการตรวจสอบ 3.การกลับคำสั่งเดิมไม่ฟ้องนิภา โดยนำข้อเท็จจริงนอกสำนวนต่างๆ ข้อเท็จจริงจากหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ฝ่ายผู้ต้องหามามอบให้ แล้วสั่งไม่ฟ้องนั้น ไม่อาจรับฟังได้เพราะคดีดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดและโจทก์ร่วมและอัยการศาลสูงยังอุทธรณ์ประเด็นดังกล่าวอยู่ จึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการตรวจสอบและตั้งคณะพิจารณาในกระบวนการทำงานในคดีดังกล่าวเพื่อไม่ให้ผู้ทรงอิทธิพลทางด้านการเงิน ใช้อิทธิพลเพื่อให้ตนเองพ้นพิษ เพื่อนำไปสู่กระบวนการยุติธรรมที่แท้จริง
"สำหรับความหมายของผู้ทรงอิทธิพลทางการเงินที่กล่าวถึงนั้น ให้ความหมายได้ใน 2 คำ ต่อไปนี้ คือ ผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งในที่นี้หมายถึงผู้ที่มีอำนาจในสถานที่ที่มีการค้ามนุษย์ อาทิ เด็กเชียร์แขก พนักงานในอาบ อบ นวด ซึ่งมีอิทธิพลเหนือผู้หญิงและเด็ก มีคำสั่งห้ามมาทำงานสาย ขาด หรือลา เป็นต้น ซึ่งคนเหล่านี้ทำงานให้แก่ ผู้ทรงอิทธิพลทางการเงิน ซึ่งเป็นเจ้านายที่แท้จริง แต่ใช้เงินในการทำงาน เป็นผู้ประกอบการที่แสวงหาผลประโยชน์ด้านเพศ โดยมีเด็กและผู้หญิงเป็นต้นทุน ซึ่งจากการสำรวจพบว่าเป็นธุรกิจที่ทำเม็ดเงินสูงมาก และกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลนี้คือผู้ที่ทำให้ธุรกิจที่แอบแฝงการค้ามนุษย์เติบโตในสังคม" นางชลีรัตน์กล่าวด้าน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า จากกรณีวิคตอเรีย ซีเครท ตอนที่มีการเข้าไปทลาย มีความหวังว่าจะเล่นงานกระบวนการค้ามนุษย์นี้ได้ แต่กลับพบว่ากระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดกระบวนการค้ามนุษย์รายใหญ่ของไทยได้ ดังที่เห็นได้จากคำสั่งศาลชั้นต้นที่มีการพิพากษาให้มีความผิดฐานค้าประเวณี ไม่ใช่ความผิดฐานค้ามนุษย์ ทั้งยังทำให้เกิดข้อสังเกต 4 ข้อ ได้แก่ 1. พบเด็กอายุ 13 ปีในสถานอาบอบนวด แต่จากกระบวนการยุติธรรมตรวจสอบแล้วบอกว่า จำเลยไม่ทราบว่าเด็กอายุ 13 ปี ซึ่งเป็นไปไม่ได้ 2.เจ้าของหรือผู้ประกอบการอาบอบนวดไม่มีความผิด 3.ไม่มีการกล่าวถึงหรือเชื่อมโยงไปยังผู้เกี่ยวข้องรายอื่น ๆ และ4.ทำให้เครือข่ายการค้ามนุษย์ในประเทศไทยอยู่สุขสบาย ทั้งที่มีเครือข่าย นโยบาย และกรณีศึกษามากมายที่สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีได้ แต่ผลที่ออกมาคือ "ไม่มีการค้ามนุษย์" ขณะเดียวกันผู้ทรงอิทธิพลทางการเงินนั้นเข้ามามีส่วนในการทำให้กระบวนการยุติธรรมไม่เป็นไปตามระบบที่ควรจะเป็น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ 1.ผู้ทรงอิทธิพลในกระบวนการยุติธรรม และ2.ผู้ทรงอิทธิพลทางการเงิน ซึ่งในที่นี้อาจจะเป็นผู้ประกอบการ และกลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์ทั้งนี้ ภายหลังจบการแถลงข่าวและเสวนา เครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องผู้ทรงอิทธิพลทางการเงินในคดีค้ามนุษย์ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี, ผู้ตรวจการแผ่นดิน, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอัยการสูงสุด ที่ตึกก.พ. ทำเนียบรัฐบาล
สำหรับ เครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ ประกอบด้วย 13 เครือข่ายที่มีบทบาทสำคัญเชิงรุกในการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และเป็นกลไกกลางเชื่อมประสานการดำเนินงานทั้งในเชิงป้องกันปัญหา และการติดตามช่วยเหลือด้านคดีความ
ขอบคุณข่าวhttps://www.matichon.co.th/local/crime/news_1685715

ล่าสุด ชูวิทย์ กมลวิศิศฎ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...
"ค้ามนุษย์" ไม่มีวันหมดจากประเทศไทย

"ชูวิทย์" ชี้ "ค้ามนุษย์" ไม่มีวันหมดจากประเทศไทย


13 องค์กรต้านการค้ามนุษย์ ตั้งข้อสงสัย สั่งไม่ฟ้อง คดี วิคตอเรีย ซีเครท เชื่อผู้ทรงอิทธิพลมีเอี่ยว
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_1685715
ผมเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม อย่างเครือข่ายต่อต้านการค้ามนุษย์
เรื่องนี้ทะแม่งๆ เพราะมีการ "วิ่งเต้น" ทั้งกระบวนการ ตั้งแต่ต้นยันจบ จ่ายกันตัวเลข 8 หลัก มัดจำครึ่ง หากสำเร็จ จ่ายอีกครึ่ง
อย่าได้ปฏิเสธ เพราะ "กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง"
ผมสงสารหลายหน่วยงาน ที่ร่วมกันทำงานปราบปรามการค้ามนุษย์ แก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติ
ท้ายสุด ต้องแพ้ขบวนการขัดขวางความยุติธรรม และทำลายระบบคุณธรรม
จึงทำให้ปัญหาการค้ามนุษย์ไม่มีวันหมดไปจากประเทศไทย

"ชูวิทย์" ชี้ "ค้ามนุษย์" ไม่มีวันหมดจากประเทศไทย

logoline