‘พุทธพลังแผ่นดิน‘ ฟ้องกองปราบฯ กรณีผู้พิพากษาไม่รับฟ้องคดี

วันนี้ (19 ก.ย. 62) ที่กองบังคับการปราบปราม นายจรูญ วรรณกสิณานนท์ พร้อมคณะตัวแทนกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุด 5 คน คือ นายมนูญ ปุญญกริยากร , นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ , นายประวิตร บุญเทียม , นายสมชัย วัฒนการุณ และนายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ รวมทั้งผู้พิพากษาศาลปกครองกลาง 3 คน คือ นายนิทัศน์ แช่มช้อย , นายสัมฤทธิ์ อ่อนคำ และนายคม บูรณวรศิลป์ ฐานร่วมกันปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีพฤติการณ์ช่วยเหลือผู้ถูกฟ้อง จำนวน 16 คน โดยการไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา
ทั้งนี้ จากกรณีที่เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2560 กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน ได้ฟ้องจุฬาราชมนตรี และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย จำนวน 16 คน ได้ออกระเบียงเก็บเงินฮาลาลโดยมิชอบ ด้วยการนำเครื่องหมายฮาลาลไปผูกพันกับหน่วยงานของรัฐ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ตรารับรองฮาลาลเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และขอให้เพิกถอนเครื่องหมายฮาลาลออกจากสินค้าทั่วราชอาณาจักร และขอให้เรียกเก็บสินค้าคืนจากตลาดภายใน 3 เดือน รวมทั้งขอให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการ หรือผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายตลอดระยะเวลาที่กระทำความผิด พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ออกระเบียบโดยมิชอบ และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามมิให้ใช้เครื่องหมายจนกว่าคดีจะสิ้นสุด

นายจรูญ กล่าวต่อว่า โดยศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง แต่เป็นคำสั่งทางศาสนา ตนจึงได้ยืนฟ้องอุทธรณ์ต่อ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง แต่ผู้ฟ้องไม่มีสิทธิฟ้องตามมาตรา 42 เพราะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงเห็นว่าเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมาตรา 42 กำหนดว่าผู้ใดได้รับความเดือนร้อนเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจากกระทำของหน่วยงานทางปกครอง ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ ซึ่งตนเองเป็นผู้เสียหายโดยตรงที่เป็นผู้บริโภคสินค้าที่มีตราฮาลาล ที่ผู้ประกอบการได้รวมค่าธรรมเนียมตราฮาลาลในต้นทุนการผลิตแล้ว โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงถือได้ว่าการไม่รับคำฟ้องดังกล่าวเพื่อพิจารณา ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนคนไทยทุกคน และหน่วยงานรัฐกว่าหมื่นล้านบาท