พันเอกตูร์กิ อัล มัลกิ โฆษกกองทัพซาอุดิอาระเบียบอกระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวาน การโจมตีมาจากทางเหนือของซาอุดิอาระเบีย และได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านอย่างไม่ต้องสงสัยซึ่งคำพูดของเขา ไม่ได้กล่าวหาอิหร่านอย่างตรง ๆ ว่าเป็นคนยิงอาวุธเข้ามา หรือว่าโดรนบินออกมาจากภายในเขตของอิหร่าน
ปัจจุบันซาอุดิอาระเบียกำลังขอความช่วยเหลือในการสอบสวนจากนานาชาติและสหประชาชาติ ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสอบสวนนาน แต่ผลสรุปที่ได้จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
แต่ด้วยการไม่เชื่อมโยงอิหร่านโดยตรง ทำให้ซาอุดิอาระเบียสามารถเลี่ยงการโจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้ ที่อาจจะนำไปสู่สงครามระหว่างสองชาติสำคัญในภูมิภาค และสหรัฐแต่การไม่ตอบโต้ ก็มีความเสี่ยงที่พวกเขาอาจจะถูกโจมตีเพิ่มเติมอีกในการแถลงข่าว มีการนำซากโดรนและขีปนาวุธที่เชื่อว่าถูกใช้ในการโจมตีเมื่อวันเสาร์มาให้สื่อมวลชนดูด้วย
อัล มัลกิบอกว่าโดรนที่นำมาใช้เป็นแบบที่เรียกว่า เดลต้าวิง ซึ่งมีรูปร่างเหมือนสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ ส่วนขีปนาวุธเป็นแบบ " ยา อาลี " ที่มีเครื่อองยนต์เล็ก ๆ ติดอยู่ในการโจมตีมีการใช้โดรน 18 ลำ และขีปนาวุธร่อน 7 ลูก แต่ขีปนาวุธเดินทางมาไม่ถึงเป้าหมาย 3 ลูก ขีปนาวุธพวกนี้มีพิสัยการยิง 700 กิโลเมตร หมายความว่ามันไม่สามารถยิงมาจากภายในเยเมนได้
นอกจากนั้น มีการนำวีดีโอมาเปิดเผยที่แสดงให้เห็นว่าโดรนลำหนึ่งมาจากทางเหนือ ขณะที่เยเมนอยู่ทางใต้ขณะที่ความเสียหายของสิ่งปลูกสร้างของโรงกลั่นน้ำมัน ก็เกิดขึ้นทางด้านที่หันไปทางทิศเหนือซึ่งอัล มัลกิ ก็สรุปว่าการโจมตีไม่ได้มีต้นทางมาจากเยเมน แม้ว่าอิหร่านจะพยายามทำให้มันดูเป็นแบบนั้นก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง