จากกรณีนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ถูกมิจฉาชีพสวมรอยนำภาพพร้อมข้อความการประกาศนำเงินและรับบริจาคไปช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในจ.อุบลราชธานี โดยมีการปลอมแปลงเลขบัญชีธนาคารเพื่อหลอกลวงผู้มีจิตศรัทธาให้โอนเงินก่อนนำไปโพสต์บนโลกสังคมออนไลน์ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องดูเจตนาของผู้ที่โพสต์นั้นว่ามีนัยยะแอบแฝงหรือไม่อย่างไร หากมีเจตนาเพื่อมีจุดประสงค์ให้ประชาชนเกิดหลงเชื่อว่าบัญชีที่โพสต์และนำรูปผู้เสียหายซึ่งเป็นบัญชีที่รับบริจาคน้ำท่วมไปหลอกลวงจริงจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเช่นกัน
ด้าน สาวที่แชร์ภาพดังกล่าว ได้ออกมาเปิดเผยผ่านรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ โดยยอมรับว่าเป็นคนแชร์ภาพดังกล่าวไป แต่จริงๆ มีคนแชร์ข้อความนี้ออกมาก่อน เลยแชร์ต่อมา อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ชื่อที่ปรากฎในโพสต์ดังกล่าวเป็นชื่อของพี่สาว แต่ไม่รู้ว่า ใครเป็นคนเอาชื่อไปใส่ไว้ตอนแรกก็ไม่ได้ดู อย่างไรก็ตาม พี่สาว ของผู้โพสต์ กล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกันว่า ใครเป็นคนทำ ตนเองก็ไม่ได้ทำ และได้ไปแจ้งความไว้แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งกัน
ล่าสุดทางด้านเพจ ข่าวนกกระจอก ได้ให้บิณฑ์ ต่อสายคุยกับ สาวที่โพสต์เรื่องราวดังกล่าว โดยการสนทนาช่วงแรก ทั้งทราย และ เบส ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการนำเลขบัญชีมาสวมขอรับบริจาค โดยอ้างว่า เคยซื้อของออนไลน์และส่งเลขที่บัญชีไป อ้างโดนนำไปสวมเพื่อรับบริจาคเงิน
ก่อนที่ บิณฑ์ จะคาดคั้นและระบุจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด หากไม่ยอมรับผิด ทำให้ ทั้งสองคน ตัดสินยอมรับ ว่า ได้ปลอมเลขที่บัญชี โดยแปะลงไปบนโพสต์ขอรับบริจาค ซึ่งทาง บิณฑ์ ได้ให้ทั้งสองคนโพสต์ประกาศหน้าเฟซบุ๊ก และโอนเงินบริจาคกลับคืนมาเพื่อช่วยเหลือน้ำท่วม