นายสัตวแพทย์ ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า หรือหมอล็อต เปิดเผยถึงปัญหาการตายของเสือกลางที่ยึดมาจากวัดป่าหลวงตาบัว จ.กาญจนบุรี ว่า ที่ผ่านมาในระหว่างการตรวจยึดเสือวัดหลวงตาบัวนั้นพบว่าเสือมีการตายอยู่ก่อนแล้วจากภาวะเลือดชิด โดยพบเสือลูกกรอกที่ดองไว้ประมาณ 30 ตัว ตะกุดเสือและหนังเสือจำนวนมาก สะท้อนว่าเสือที่วัดก็มีการตายมาตลอด
ในขณะที่เสือที่ไม่ได้นำมาจากวัดหลวงตาบัวกลับไม่มีความผิดปกติใดๆ ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตุว่าเสือจากวัดหลวงตาบัวที่นำไปไว้ทั้ง 2 สถานีฯนั้นมีอาการเหมือนกัน ทั้งที่สถานีอยู่ห่างกัน
ดังนั้น ปัญหาพันธุกรรมที่เกิดจากการผสมพันธุ์กันเอง หรือที่เรียกว่าการผสมเลือดชิดจึงเป็นสาเหตุสำคัญในการตาย เพราะทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ เกิดภาวะแทรกซ้อนจนติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัข เป็นโรคที่ไม่มียารักษา ต้องรักษาตามอาการเท่านั้น
หมอล็อต ยอมรับว่าก่อนเคลื่อนย้ายเสือโคร่งเหล่านี้ ทางวัดไม่เคยวางยาสลบตรวจสุขภาพเสือเหล่านี้ ทำให้เสือโคร่งกลุ่มนี้มีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้วยิ่งเสี่ยงติดเชื้อโรคมากขึ้น
สำหรับแนวทางการรักษาเสือของกลางที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น หมอล็อตบอกว่า หลังจากนี้ทางกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะทำการคัดกรองกลุ่มอาการของเสือที่ยังรอดชีวิตอีก 78 ตัว แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มไม่แสดงอาการ 34 ตัว // กลุ่มแสดงอาการเล็กน้อย 39 ตัว และกลุ่มแสดงอาการปานกลางถึงรุนแรง 5 ตัว
ซึ่งจะมีการติดตามอาการกลุ่มเสือตลอด 24 ชั่วโมง ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข และติดตามผลเป็นระยะ รวมทั้งจะควบคุมให้มีระบบความปลอดภัยทางชีวอนามัยภายในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ทั้ง 2 แห่งด้วย