นอกจากนี้ ผู้ประกอบการทั้ง 10 รายจะได้เดินทางไปเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า สำรวจตลาดค้าปลีกสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับผู้นำเข้า และผู้กระจายสินค้า ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวกว่า17 ล้านคนและประชาชนนิยมบริโภคสินค้าพรีเมี่ยมและสินค้าเพื่อสุขภาพที่มีความหลากหลายรวมถึงมีกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าที่มีมาตรฐานสูงซึ่งจะช่วยกระตุ้นผู้ประกอบการยกระดับพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพมาตรฐานและนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ กรมฯได้เชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์เรื่องการตลาดและการทำธุรกิจในตลาดสิงคโปร์ มาแบ่งปันประสบการณ์ ช่องทางและกลยุทธ์เข้าสู่ตลาดสิงคโปร์ และใช้สิงคโปร์เป็นจุดกระจายสินค้าไปยังตลาดโลกรวมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐานเพื่อการส่งออกอีกด้วย
นางอรมน กล่าวว่าการจัดบู้ธแคมป์ครั้งนี้ช่วยให้ผู้ประกอบการนมโคแปรรูปได้สร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันโดยมีการแบ่งกลุ่มจัดทำแผนธุรกิจของผลิตภัณฑ์นมโคแปรรูปที่คาดว่าจะสามารถทำตลาดในสิงคโปร์ได้โดยเฉพาะการวิเคราะห์สรุปแนวทางการพัฒนาสินค้า การใช้ประโยชน์จาก Big Data และนวัตกรรมการปรับปรุงขั้นตอนการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นซึ่งช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาการผลิตได้หลังจากนี้ กรมฯยังจัดให้มีกิจกรรมอื่นภายใต้โครงการฯ ควบคู่กันไป เช่น ให้คำปรึกษาเชิงลึกกับผู้ประกอบการลักษณะCoaching ในพื้นที่ของผู้เข้าร่วมโครงการในช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม 2562 โดยกรมฯ จะร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ลงพื้นที่เยี่ยมชมกิจการของแต่ละบริษัท เพื่อแนะนำแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขั้นตอนการส่งออกและการทำตลาด ก่อนเดินทางไปสิงคโปร์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้อุตสาหกรรมนมโคแปรรูปของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นโดยมูลค่าการค้าและการส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทยในช่วงปี 2559-2561เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 ไทยมีการส่งออกมูลค่า 138ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 15.3สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ โยเกิร์ต และนมยูเอชทีโดยคู่ค้าหลักยังคงเป็นประเทศในแถบอาเซียน เช่น กัมพูชา ขยายตัวร้อยละ 30ฟิลิปปินส์ ขยายตัวร้อยละ 40 และสิงคโปร์ ขยายตัวร้อยละ 13 รวมทั้งฮ่องกงและจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีความตกลงเอฟทีเอกับไทยและได้ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคให้กับไทยแล้ว ดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรเร่งใช้ประโยชน์จาก เอฟทีเอให้สินค้าไทยสามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง