พร้อมทั้งลงพื้นที่พบปะสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มแม่น้ำท่าทองจำกัด อำเภอกาญจนดิษฐ์ ที่เป็นแหล่งผลิตกุ้งขาวแวนนาไมจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีตลาดหลัก คือ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น แคนนาดาและสหภาพยุโรป สำหรับวันที่ 20 กันยายน 2562จะเป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "พัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี"ณโรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้กับสมาชิกสหกรณ์ และเกษตรกร 5จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร กระบี่ และพังงาเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีเปิดตลาดสินค้าของสหกรณ์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและแน่นอนให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรมอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่าหลังจากได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ให้ความสำคัญกับการหาตลาดและกระจายสินค้าในภูมิภาคของไทยไปต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ จึงได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินโครงการ "พัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี"เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคของไทยสู่สากลและช่วยสร้างแต้มต่อในการส่งออกสินค้าเกษตรในพื้นที่สู่ตลาดต่างประเทศ
การดำเนินโครงการครั้งนี้จะช่วยให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้ใช้เอฟทีเอสร้างโอกาสทางการค้าและขยายตลาดไปต่างประเทศรวมทั้งพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานสินค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสหกรณ์ โดยเฉพาะสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสารจำกัด ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมผลไม้ อาทิ เงาะและกล้วยหอมไปตลาดต่างประเทศ เช่น อาเซียนและจีน เป็นต้นซึ่งไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากไทยแล้ว ภายใต้ข้อตกลงร่วมกันในเอฟทีเอโดยส่งกระจายให้ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าในประเทศ และส่งออกไปต่างประเทศโดยส่งออกเงาะไปจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ และส่งออกกล้วยหอมไปญี่ปุ่นสำหรับสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มแม่น้ำท่าทอง จำกัดยังมีแผนสร้างห้องเย็นเพื่อแปรรูปกุ้งเพิ่มมูลค่าสินค้า และลดต้นทุนการผลิตเตรียมส่งออกไปยังต่างประเทศ พร้อมทั้งมีแผนจัดแสดงสินค้าที่จีนและญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายอีกด้วย
ทั้งนี้ ในงานสัมมนาฯ จะมีการเสวนาหัวข้อ "ติดอาวุธสหกรณ์ไทยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ" และ "ยกระดับการแข่งขันสหกรณ์ไทยให้ก้าวไกลในโลกการค้าเสรี" และจะนำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและการตลาดมาวิเคราะห์สินค้าและแนะนำตลาดส่งออกที่เหมาะสมให้กับสหกรณ์ ซึ่งมั่นใจว่าการดำเนินโครงการครั้งนี้จะเป็นประโยชน์แก่สหกรณ์ และเกษตรกรได้เห็นช่องทางการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอที่ไทยทำกับประเทศต่างๆโดยเฉพาะอาเซียนและจีน