svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ชูวิทย์" โพสต์ ยืดอกรับโทษอย่างลูกผู้ชายดีกว่า

14 กันยายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

วันที่ 11 ก.ย. ศาลฎีกา มีคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการ ยื่นฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำ นปช. กับพวก บุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2552 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา

ศาลฏีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 12 จำเลย ในคดีล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มแกนนำ นปช. หลังก่อเหตุชุมนุมปิดล้อม และล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2552 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วม นปช.
โดยศาลได้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 คือนายสมยศ พรหมมา เพราะเป็นมวลชนธรรมดาไม่ใช่แกนนำ ส่วนจำเลยที่มาวันนี้มีแค่จำเลยที่ 10 คือ นายศักดา นพสิทธิ์ เลขาธิการพรรคเพื่อชาติ เพียงคนเดียว
นางขนิษฐา รัฐกาญจน์ ทนายความของกลุ่มแนวร่วม นปช. เปิดเผยว่าสาเหตุที่ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 4 เนื่องจาก โจทก์ไม่มีพยานที่เห็นเหตุการณ์จึงยกประโยชน์ให้แก่จำเลย ส่วนจำเลยที่เหลือ 10 คน ในจำนวนนี้ 3 คน มีพันตำรวจโทไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ / นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมะ ศาลจะออกหมายเรียกให้มารับฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 31 ตุลาคมปีนี้ เนื่องจากจำเลยทั้ง 3 คนยังไม่ได้รับหมายเรียกให้มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ส่วนจำเลยอีก 7 คน ที่ไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลจะออกหมายจับเพื่อให้มารายงานตัวต่อศาลและเข้าสู่เรือนจำทันที
ส่วนจำเลย 3 คนที่ศาลยกฟ้องไปก่อนหน้านี้ ทางทนายความเตรียมที่จะเอาผิดฟ้องร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและพันตำรวจโท ศราวุฒิ บุญชัย ตำรวจที่เบิกความเท็จนายธำรงค์ หลักแดน ทนายความส่วนตัวของนายอริสมันต์พงษ์เรืองรอง เปิดเผยว่าสาเหตุที่นายอริสมันต์ไม่สามารถเดินทางมารับฟังคำพิพากษาในวันนี้ได้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการพักรักษาตัวด้วยโรคเวียนศีรษะ บ้านหมุน ที่โรงพยาบาลสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งขณะนี้อาการยังไม่ดีขึ้น และล่าสุดหลังจากฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้น ทนายความเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์แจ้งผลคำพิพากษาไปถึงนายอริสมันต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเดินทางมารายงานตัวกับศาลเมื่อใดนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ซึ่งต้องรอให้อาการป่วยดีขึ้นก่อน

"ชูวิทย์" โพสต์ ยืดอกรับโทษอย่างลูกผู้ชายดีกว่า

โดยต่อมา "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ได้โพสต์เฟซบุ๊กในประเด็นนี้ โดยระบุข้อความว่า
เวรกรรมมีจริง
วันนี้ศาลฎีกาตัดสินจำคุก 4 ปี แกนนำ นปช. ที่บุกล้มงานประชุมอาเซียนซัมมิท เมื่อปี 2552 ทำกันถึงขนาดผู้นำต่างชาติเผ่นหนีแทบไม่ทัน ขายหน้าเขาไปทั่วโลก
จำเลย 12 คน มาศาลแค่คนเดียว อีก 11 คน นั่งรอฟังที่ไหนไม่รู้ อย่างนี้เขาเรียกว่า "ฟังลับหลัง" หากเห็นว่าโทษเบา ก็มอบตัวรับโทษ แต่หากโดนโทษหนัก ก็ต้องหนีตัวใครตัวมัน ส่วนที่เป็น ส.ส. ก็ไม่รอด พ้นสภาพ ส.ส. เดินเข้าคุกทันที
ถึงหนีไปได้ แต่ก็หาความสุขไม่มี สู้เดินยืดอกรับโทษอย่างลูกผู้ชายดีกว่า เมื่อยืนกราน "ทำเพื่อประชาชน" ก็ต้องโทษทางอาญาเพื่อประชาชน กล้าเดินหน้าเข้าคุก
ยังดีกว่าพี่บุญทรงที่ได้เลข 4 นำเหมือนกัน แต่เป็นสองหลัก 48 ปี นี่เลขหลักเดียว แค่ 4 ปีเท่านั้น
ถามคนที่เคยติดคุก ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังศาลตัดสิน หูจะอื้อ ตาจะลาย เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สับกุญแจใส่มือ จูงเดินขึ้นรถเรือนจำไปติดคุกเหมือนคนไร้วิญญาณกันทั้งนั้น
อย่างผมเคยมีประสบการณ์มาแล้วหลายครั้ง ถึงแม้จะรู้ตัวว่าติดแน่ แต่ก็เดินหน้าชื่นอกตรมขมใจเข้าคุกทุกครั้ง ไม่เคยคิดหนี
จึงขอเชิญชวนให้อีก 11 คน มาติดคุกกันดีกว่า
โทษแค่ 4 ปี ติดจริงคงไม่เกิน 2 ปี เดี๋ยวก็ได้ออกมากอดลูกกอดเมียใช้เงินแล้ว
ผมจึงเชื่อว่าคงกำลังตัดใจรำ่ลาลูกเมียกันอยู่
เช่นเดียวกับ "ฮีโร่ของมวลมหาประชาชน" ที่เคยบอกว่ายอมเป็นกบฏเพื่อชาติ ขอเป็นขี้ข้าประชาชน
หากวันใดวันหนึ่งที่ไปสุดทาง ศาลฎีกาตัดสิน หวังว่าคงไม่หลบไปฟังลับหลัง กล้ายืนเต็มขาหน้าบัลลังก์ ฟังคำพิพากษาให้หมดเวรหมดกรรมไป

"ชูวิทย์" โพสต์ ยืดอกรับโทษอย่างลูกผู้ชายดีกว่า

logoline