รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า หลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน หรือ หลักการ UNGPs เป็นมาตรฐานสากลที่ได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ เมื่อปี พ.ศ.2554 อันเป็นผลสืบเนื่องจากการตื่นตัวของกระแสประชาคมโลกเกี่ยวกับการแข่งขันและขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ กล่าวคือ ในเชิงบวก : การพัฒนาทางเศรษฐกิจย่อมทำให้เกิดรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่ในขณะเดียวกันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าว อาจส่งผลให้เกิดปัญหาการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกัน การเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น สิทธิด้านแรงงาน สิทธิในที่ดินทำกิน สิทธิในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจ/โครงการ/กิจการขนาดใหญ่หลายกรณีส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกระทบต่อความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่น จึงเกิดการเรียกร้องให้ผู้ดำเนินธุรกิจรับผิดชอบต่อผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนดังกล่าว
ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ตระหนักถึงความสำคัญ จำเป็น และเร่งด่วนในการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน จึงได้กำหนดให้ประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญภายใต้วาระแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนให้คำมั่น รวมทั้งยืนยันท่าทีไทยในเวทีต่างๆ ทั้งในประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับระหว่างประเทศ ว่าจะกำหนดให้ประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในการขับเคลื่อนหลักการ UNGPs และจัดทำ "แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน" ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะได้รับการรับรองและประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้
โดยแผนดังกล่าวจะเป็นแผนฯ ฉบับแรกในเอเชียที่ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศต้นแบบในภูมิภาคนี้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ภาคธุรกิจจะต้องรับทราบและเตรียมความพร้อมในการนำแผนปฏิบัติการฯ ไปสู่การปฏิบัติ นอกจากนี้ หนึ่งในมาตรการสำคัญที่สามารถช่วยส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชนได้ คือ หลักการเงินที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Financing ซึ่งสนับสนุนให้สถาบันการเงินมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ โดยนำผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโครงการที่ให้สินเชื่อ ทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล มาเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม รวมทั้งให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มากกว่าการคำนึงถึงเฉพาะประโยชน์ของบริษัทตนเองเท่านั้น บนหลักการ Win Win กล่าวคือ ธุรกิจก้าวไกลในขณะที่สังคมก็พัฒนาไปพร้อมกัน ดังนั้น การประชุมฯ ในวันนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการสร้างความรู้ความเข้าใจในความเชื่อมโยงระหว่างประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน และหลักการเงินที่ยั่งยืน ซึ่งจะเป็นหนึ่งในมาตรการที่ช่วยส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน และเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนต่อไป