พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงการทำสัญญาต่อเรือยกพลขึ้นบกลำใหม่ (LPD) จากจีน ขนาด 20,000 ตัน ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 6,100 ล้านบาท โดยย้ำว่า เป็นคนละเรื่องกับการจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ไม่มีการฉวยโอกาสใดๆ แต่เรื่องนี้เป็นไปตามแผนโครงสร้างกำลังรบของกองทัพเรืออยู่แล้ว ซึ่งทหารยุคใหม่จะคิดแค่การรบอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องคิดว่าประชาชนจะได้อะไร ดังนั้นเครื่องมือที่จะต้องมีต่อไป ต้องใช้ได้ 2 ลักษณะ คือ ใช้ในการทหาร และช่วยเหลือประชาชน ไปพร้อมๆกัน
ทั้งนี้การต่อเรือเพิ่ม เป็นเพราะไม่เพียงพอ โดยเรือยกพลขนาดใหญ่ที่เคยมีได้ปลดระวางแล้วทั้ง 4 ลำ และมีมาทดแทนแค่ลำเดียว (ปัจจุบันคือ เรือหลวงอ่างทอง) จึงต้องหามาทดแทนเรือที่หายไป เพื่อดำรงภารกิจได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนเหตุผลที่จัดซื้อเรือขนาดใหญ่ กว่า 20,000 ตันจากจีนนั้น เป็นเพราะเรือขนาดใหญ่ถูกบรรจุอยู่ในโครงสร้างกำลังรบ และขณะนี้ความสัมพันธ์ในอาเซียนมีการก่อตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยนานาชาติ จึงจำเป็นต้องใช้เรือขนาดใหญ่ในกิจการด้านการให้ความช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัย ถ้าเป็นเรือขนาดเล็กคงไม่เพียงพอ จึงคิดว่าเหมาะสมแล้ว ซึ่งสามารถให้ความช่วยประชาชนทั้งในและนอกประเทศในรัศมี 1,000 ไมล์ได้สำหรับสมรรถนะของเรือดังกล่าว ขอให้ความมั่นใจว่า กองทัพเรือไทยได้เห็นการมนฝึกร่วมมาแล้ว ซึ่งเหมาะสมที่สุดกับกองทัพเรือไทย ส่วนเพื่อนบ้านจะมีเรือขนาดเล็กหรือเรือใหญ่กว่านี้ ก็เป็นเรื่องของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ขอวิจารณ์ เมื่อถามว่า ฟังก์ชั่นที่ทางจีนให้ มีอะไรพิเศษหรือไม่ ผู้บัญชาการทหารเรือ ปฏิเสธให้รายละเอียด เพราะต้องให้เกียรติทางการจีน เนื่องจากเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี หากไปก้าวก่ายจะดูไม่ดี อีกทั้งเรือดังกล่าวทางการจีนยังใช้ประจำการในปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่า เมื่อก่อนไทยจัดหาอาวุธยุทธโทรปกรณ์ ก็มักจะได้ซื้อรุ่นที่ตกชั้น ที่เขาไม่ได้ใช้แล้ว เพราะบางประเทศจะไม่ยอมขายยุทโธปกรณ์ที่ยังใช้ประจำการอยู่ แต่ถือว่าจีนใจกว้าง เค้าใช้อย่างไรเราก็ใช้อย่างนั้น (เรือ LPD รุ่น ฉางไป่ซาน) เหมือนกันทุกประการ ดังนั้นเราจึงต้องเคารพความลับทางทหารของเขาด้วยส่วนเสียงวิพากวิจารณ์ในโซเชียลถึงการจัดซื้อ ว่าไปแอบเซ็นต์สัญญา / ผู้บัญชาการทหารเรือ บอกว่า แล้วแต่มุมมอง จะไปแอบเซ็นต์ได้อย่างไร เพราะเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ หากแอบเซ็นต์จริงๆ ต้องเป็นต้นปีงบประมาณ โดยกระบวนการเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีเรื่อยมา ไม่มีปิดบัง จนมาเซ็นต์อนุมัติในปลายปี ดังนั้นคนที่คิดจะโจมตีก็ตีอยู่แล้ว แต่ขอย้ำว่ากองทัพเรือในยุคที่ผ่านๆมา โปร่งใส ตรวจสอบได้ และพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ถ้าใครอยากรู้ให้มาคุยได้แต่ขอให้มีใจที่เป็นธรรมกับกองทัพเรือ อย่ามีอคติเมื่อถามว่า กระแสวิจารณ์ซื้อของจากจีนอีกแล้ว ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า ก็แล้วแต่คนจะโจมตี หากพูดไปมากๆ จะหาว่าแก้ตัว แต่ขอให้ไปดูว่าการต่อเรือขนาดใหญ่ในราคาขนาดนี้ ท่านต่อได้หรือไม่ มันมีอะไรอีกมากมาย และตนไม่ชอบจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทธโธปกรณ์บนหน้าหนังสือพิมพ์ และไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นความลับทางทหารและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นความกรุณาของจีน ที่ขายเรือชุดนี้ให้กับไทย ซึ่งปกติไม่มีทางขายให้ ถือว่ากองทัพเรือไทยโชคดีที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน