ย้อนรอย!....ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ พัวพันยาเสพติด

7 พฤษภาคม ตำรวจนครพนมสนธิกำลังทหาร เข้าจับร้อยตำรวจเอกชัยณรงค์ อ่อยภูธร วัย 59 ปี รองสารวัตรสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ที่บ้านพักชุมชนบ้านน้อยหนองเค็ม ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมยาบ้า 6,000 เม็ด ปืนและเครื่องกระสุน อีกจำนวนมาก หลังจากที่ตำรวจมีเบาะแสว่าผู้กองคนนี้เป็นเอเย่นรายสำคัญในพื้นที่ จนติดตามสืบสวนกระทั่งจับได้อย่างคาหนังคาเขา เจ้าตัวสารภาพมีปัญหาทางการเงิน และอยากหาเงินไว้ใช้หลังเกษียณอายุราชการ 

อีกรายเกิดขึ้น 12 กรกฎาคม 2562 พันตำรวจตรีอาชันธ์ นันตระกูล สารวัตรปราบปราม สภ.บ้านเอื้อม จ.ลำปาง ที่มาก่อเหตุในเมืองหลวง ที่รอกู้ยืมเงินสหกรณ์ตำรวจ แต่ระหว่างนั้นกลับเสพยาไอซ์จนเกิดอาการคลุ้มคลั่งยิงปืนในที่ที่หอพักแห่งหนึ่ง จนถูกตำรวจ สน.วัดพระยาไกร จับได้ และเมื่อสอบสวนยังพบยาไอซ์ ในครอบครอง จนถูกตั้งข้อหามียาไอซ์ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเสพยาไอซ์ โดยผิดกฎหมาย กระถูกไล่ออกจากราชการในที่สุด

ถัดมาช่วงปลายเดือนมิถุนายน หลังจากที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ภาค 6 จับมารดาของ พันตำรวจโทพิเชษฐ เสาแบน หรือ สารวัตรแย้ สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่มีพัสดุซุกยาไอซ์ส่งไปที่บ้าน ที่จังหวัดนครสวรรค์ ต้นทางมาจาก ปณ.บุรีรัมย์ ใช้ชื่อ "พนมทวน แซ่หวาง" ซึ่ง สว.แย้ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว โดยอ้างเป็นการถูกกลั่นแกล้งของแก๊งค้ายาเสพติดที่เสียผลประโยชน์ ซึ่งขณะนี้เหตุการณ์ยังอยู่ในกระบวนการของการสืบสวนสอบสวน

ส่วนคนนี้ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งนายเฉลิมศักดิ์ จันทร์อินทร์ อายุ 40 ปี คนนี้แม้ไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราชโดยตรง แต่อาศัยความสนิทสนมจากหน้าที่การงาน ที่ทำหน้าที่ อาสาสมัคร และอยู่ในชุดปฏิบัติหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด ประจำอำเภอเกาะสมุย คอยส่งสัญญาณ ให้ผู้ค้ายาเสพติดที่อยู่ในเครือข่ายตัวเอง ไหวตัวทันทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่จะจับกุม 


แต่สุดท้ายก็ไม่รอด เมื่อเจ้าหน้าที่มีข้อมูลจากการที่กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดได้ส่งยาบ้า 40,000 เม็ด ผ่านทางขนส่งพัสดุเอกชน ให้ส่งถึงชายคนหนึ่ง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกลับพบว่า บุคคลนี้เสียชีวิตมาแล้ว 7 ปี และเมื่อขยายผลจึงสามารถจับกุมเครือข่ายนี้ได้ 20 ราย รวมทั้งนายเฉลิมศักดิ์ ที่พบประวัติมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและในพื้นที่ภาคใต้ นอกจากนั้น ยังพบมีเงินหมุนเวียนในบัญชี อส.สิริศักดิ์ รวมกว่า 30 ล้านบาท ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเท่านั้น

ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2561 พบว่าช่วง 3 ปีก่อนหน้านั้น มีตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือพัวพันในคดียาเสพติด กว่า 170 นาย ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 2 และภาค 7 รวมทั้ง พนักงานสอบสวนหลายสิบนาย ในลักษณะบิดเบือนสำนวน จนทำให้ผู้ต้องหาได้เปรียบในรูปคดี ซึ่งพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่ง ไล่ออก ให้ออกและปลดออก ในตำรวจที่พบว่ากระทำความผิดจริง

เหตุการณ์ที่เกิดส่วนใหญ่มีเงินเป็นค่าตอบแทน และถือสิ่งยั่วยวน จนนำไปสู่การเห็นผิดเป็นชอบได้ ดังนั้น วลีที่ว่า "เงินจ้างผีโม่แป้งได้" ก็น่าจะยังเป็นอมตะอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน