ปิ่นสาย สุรัสวดี ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษีฯ ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลจัดเก็บตามประเภทภาษีสำคัญมีรายละเอียดดังนี้ 1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล จัดเก็บได้ 554,121 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 4,521 ล้านบาทและสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.2 จากผลประกอบการของนิติบุคคลในปีก่อนที่ปรับตัวดีขึ้น 2. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม จัดเก็บได้ 99,556 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 52,986 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 56.6 จากการเร่งรัดติดตามจัดเก็บภาษีกับผู้ประกอบการปิโตรเลียม และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
3. ภาษีธุรกิจเฉพาะ จัดเก็บได้ 56,539 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 1,193 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.4 จากการเร่งโอนอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ก่อนมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านหลังที่สองในเดือนเมษายน 2562 4. อากรแสตมป์ จัดเก็บได้ 14,680 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 352 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.5 จากการจัดเก็บภาษีจากสัญญาและตราสารเพิ่มขึ้นตามโครงการลงทุนภาครัฐและเอกชน 5. ภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดเก็บได้ 736,416 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 22,188 ล้านบาท แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.2 จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ซึ่งส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าเป็นสำคัญ
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวสรุปว่า การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร แม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกประเทศ เช่น สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรจะเพิ่มประสิทธิภาพและเร่งรัดติดตามการจัดเก็บภาษี นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดเก็บภาษี ทั้งนี้ กรมสรรพากรมั่นใจว่าในปีงบประมาณ 2562 จะสามารถจัดเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 2.0 ล้านล้านบาท ซึ่งจะมีส่วนสาคัญในการรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ให้ยั่งยืนต่อไป