วงการท่องเที่ยวเล่าว่า นายนิกร หงษ์ศรีสุข คือนักธุรกิจเจ้าของบริษัทเครื่องประดับจิวเวอรี่ชื่อดังอย่าง เจมส์ แกลอรี่ และ ยังดำเนินธุรกิจดิวตี้ฟรีภายในชื่อ GMS Duty Free ด้วย ไม่มีนักการเมือง ทหาร ตำรวจ คนไหนไม่รู้จักเฮียนิกรผู้กว้างขวางใจดี เขาไม่มีสี ยืนจุดกลาง เข้าได้ทุกพรรค รักได้ทุกคน มีจิตใจกว้างขวางดั่งมหาสมุทรสุดคะเน เพื่อนฝูงไม่มาหาสู่ไม่ขาดสาย และหนึ่งในนั้นคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
ตอน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มาเป็นที่ปรึกษากิจการค้าเพชรของเฮีย เฮียนิกรก็ให้รถรามาใช้สมศักดิ์ศรีที่ปรึกษาใหญ่ รถคันนั้นก็คือคันนี้ละ BENZ S 350 ที่มีคนสงสัยว่ายืมใครมา
พอลาออกจากที่ปรึกษามาแล้ว รถก็ยังติดมือติดไม้ติดตัวมาด้วย ก็ด้วยความใจใหญ่ของเฮียนั่นละ เฮียก็ให้ยืมมาจนถึงวันนี้
ก็เหมือนกับที่ "ลุงป้อม" ยืมนาฬิกา "เพื่อน" นั่นละ
อกเขาอกเรา พล ต อ เสรีพิสุทธิ์ คงเข้าใจแล้ว และไม่ต้องไปจ้ำจี้จ้ำไชในนาฬิกาลุงป้อมได้แล้ว ตราบใดที่ตัวเองยังยืมรถเฮียนิกรมาใช้เฉกเช่นเดียวกัน ไปดูเรื่อง "ยาเสพติดกับลูกพรรค"ดีกว่าไหม เห็นว่างานนี้ทั้งใหญ่และยาวสาวกันลึกมากแล้ว "เตือนแล้วนะ" หลักฐานในมือตำรวจเพียบเลยนะพี่นะ ที่ลึกกว่านั้นอีกคือที่เรือนจำกรุงเทพ "บุญทรง" เหงาและซึมเศร้า หลังเจอไป 48 ปี ต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด แต่ไม่เท่าอดีตข้าราชการหลายคนที่ติดคุกร่วมกับบุญทรงในคดีทุจริตข้าวจีทูจี ทุกคนอายุอานามมากแล้ว หวังว่าหลักฐานใหม่ที่เสนอไปขออุทธรณ์จากศาลฏีกาฯนักการเมือง จะผ่านด้วยดี แต่ไม่เป็นเช่นนั้น "ติดคุก"อีก
บางคนเป็นผู้หญิงหัวใจแตกสลายร้องไห้ปริ่มขาดใจทุกข์ทรมาน บางคนสูงวัยมีโรคภัยก็ทรุดฮวบ ตอนนี้รัฐบาลเอาจริง ครั้นจะใช้เงินซื้อความสดวกสะบายก็ไม่ได้แล้ว "คุกคือคุก" อดีตข้าราชการที่เคยสุขมาติดคุกและยาวนานเท่าครึ่งชีวิตที่เหลือ ตายทั้งเป็นชัดๆ
แต่ทำไงได้เวรกรรมใครทำคนนั้นรับไป อยากได้อยากดี จนไม่สนถูกผิดต้องติดคุกแทนคนสั่ง นั่งเจ็บใจในคุกต่อไป ส่วนพวก "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เยาวภา" ก็มีความสุขกันไป
ก่อนหน้านี้ คงจำได้ มีข่าวว่า "บุญทรง" ดีลลับๆ กับ "คนวงใน" เขาเปิดปากเล่าเรื่องราวการทุจริตครั้งมโหฬารในกระทรวงพาณิชย์กับโครงการจีทูเก๊ทั้งหมด เพื่อแลกกับความปลอดภัยของครอบครัวและการรักษาสุขภาพ เขาผ่าหมอนรองกระดูกเคลื่อนที่คอ รออีกพักจะออกไปผ่าที่หลังท่อนล่างอีกรอบ
การเปิดปากของบุญทรงคราวนั้นกระทบถึงเจ๊ ดอ โดยตรง เจ๊ก็เปิดแน่บสิ รออะไรละ คุกมารออยู่รอมร่อ
หลังจากบุญทรงต้องโทษเพิ่มขึ้นเป็น 48 ปี เขารู้ชะตาชีวิตว่า "ตายในคุก"สถานเดียว แต่ก่อนจะถึงวันนั้น
เขาตัดสินใจ ทำงานสุดท้ายครั้งยิ่งใหญ่ งานนั้นคือ เล่าทุกเรื่อง พูดทุกอย่าง ไม่แลกกับอะไรเลย เพียงแต่ขอบันทึกเป็นหนังสือ อัดเป็นคลิป ต่อหน้าเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเพื่อส่งสัญญาณถึงคนแดนไกลว่า "กูพูดแล้ว"
เท่านั้นไม่พอ ไม่เพียงแต่บุญทรงเปิดปากหมดเปลือก แต่อดีตข้าราชการทั้งหลายที่ติดคุกคดีเดียวกัน ด้วยความแค้นใจพร้อมใจกันไม่อิดออดอีกต่อไป "เปิดปาก" เล่าความจริงหลังโครงการทุจริตข้าวจีทูเก๊ ที่คนบางคน "แดก"กันพุงกาง หมดใส้หมดพุง
การพูดของบุญทรงและคณะ คือ บุญของประเทศ และงานนี้ปิดประตูตาย "ครอบครัวโกงข้าว" ไม่มีวันได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิด ไม่มีวันได้กลับมาตายรัง สุดท้ายกระดูกสามโกฐิของสามพี่น้องที่หนีไปทั่วโลก คงต้องฝากไว้ที่สุสาน ดูไบ มอนเตเนโกร และ เซอร์เบีย . แค่นี้ยังไม่สาสมพอหรอก กับเงินที่พวกเขาโกงไปจากประเทศของเราหลายแสนล้านบาท ลูกเต้าเหล่ากอ และ พรรคพวกในรัฐบาลยุคนั้น ต้องชดใช้ด้วยไหมที่มา : เนชั่นสุดสัปดาห์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "เสรีพิศุทธ์" ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.โชว์"รถเบนซ์หรู" ยืมมา- ยกฟ้อง-จำคุก "ทักษิณ" ...ได้อะไร- เผยภาพ 'ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ' 'ปู' มากินปูฉลองใหญ่- ระลึกชาติ "เจ๊แดง-บุญทรง" คู่กรรม(การเมือง)