svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ป.ป.ท. มีมติไม่รับไต่สวนคดีบิลลี่

10 กันยายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ป.ป.ท. มีมติไม่รับไต่สวนคดี "บิลลี่" ที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ เตรียมโอนสำนวนคดีให้ป.ป.ช. ภายในวันนี้ เพื่อให้ดีเอสไอสอบสวนต่อ โดยเมื่อเวลา 12.00 น. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการ ป.ป.ท. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีนายบิลลี่ หรือพอละจี รักจงเจริญ

ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าของคดี ภายหลังจากคณะกรรมป.ป.ท. ประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปว่า จะส่งสำนวนให้ดีเอสไอ หรือสอบสวนและชี้มูลคดีเอง โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง

ป.ป.ท. มีมติไม่รับไต่สวนคดีบิลลี่


พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการ ป.ป.ท. บอกว่า ผลการประชุมสรุปว่า ป.ป.ท.มีมติไม่รับสอบสวนคดีนายบิลลี่ และให้ส่งสำนวนการสอบสวนทั้งหมดไปยังดีเอสไอ และป.ป.ช. เพื่อมีมติชี้มูลต่อไป
สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงจากสำนักงานป.ป.ช. ตามหนังสือลับที่ ปช 0004/1008 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 โดยแจ้งว่าป.ป.ช. ได้รับเรื่องกล่าวหา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวก ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ กรณีไม่ดำเนินการเปรียบเทียบปรับ และไม่นำตัวนายบิลลี่ ผู้กระทำผิดตามพ.ร.บ.อุทยานฯ พร้อมของกลาง ส่งให้พนักงานสอบสวนสภ.แก่งกระจาน ในคดีลักลอบขนน้ำผึ้งป่า 6 ขวด เนื่องจากมีสาเหตุโกรธแค้นกับนายบิลลี่มาก่อน
โดยเรื่องนี้สำนักงานป.ป.ช. ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2561 และมีมติส่งเรื่องดังกล่าวให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอดำเนินการสอบสวนตามพ.ร.บ. กรอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตามมาตรา 61 วรรคสอง และมีการส่งเรื่องให้ดีเอสไอไปแล้วซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการป.ป.ช. ไว้พิจารณาตามมาตรา 26 วรรคหนึ่ง 
ซึ่งป.ป.ท.พิจารณาแล้ว เชื่อว่าจะมีความผิดอาญาอื่นร่วมอยู่ด้วย ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของป.ป.ท. จึงมีมติให้ส่งสำนวนการสอบสวนให้คณะกรรมการป.ป.ช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ป.ป.ท. มีมติไม่รับไต่สวนคดีบิลลี่


ด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีนายบิลลี่บอกว่า ป.ป.ท.ได้รื้อคดีนี้ขึ้นมาสอบสวน ก่อนหน้าดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษ และพบว่าคดีค่อนข้างมีอุปสรรค ซับซ้อน และมีความพิเศษ โดยได้ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายคือเจ้าหน้าที่อุทยาน และครอบครัวนายบิลลี่ 
ที่ผ่านมาได้สอบพยานไปแล้วกว่า 30 ปาก รวมถึงส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข้อมูลเชิงลึก และเปิดให้ทั้งสองฝ่ายสืบพยานอย่างเต็มที่ แต่ด้วยคดีนี้มีความท้าทาย และเป็นการไต่สวนกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท รวมถึงเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ป.ป.ท.ไม่มีอำนาจ จึงต้องทำคดีอย่างรอบคอบ 
ขอยืนยันว่าคดีไม่ได้ล่าช้า เพราะดำเนินการเสร็จสิ้นตั้งแต่ปลายปี 2559 แล้ว แต่ทางฝ่ายผู้เสียหายยื่นให้สอบพยานเพิ่มเติม และมีการเสนอความเห็นไปยังคณะกรรมการป.ป.ท. จากนั้นคณะกรรมการป.ป.ท.ได้สั่งการให้ไต่สวนเพิ่มเติม 
โดยระหว่างนั้นในปี 2561 ดีเอสไอขอรับเป็นคดีพิเศษ ป.ป.ท.จึงประสานงานร่วมกับดีเอสไอมาตลอด จนกระทั่งดีเอสไอแถลงพบโครงกระดูกนายบิลลี่ ดังนั้นคณะทำงานป.ป.ท. จึงมีมติให้ส่งเรื่องไปยังป.ป.ช.
ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ เป็นอำนาจหน้าที่ป.ป.ช. ในการส่งสำนวนการสอบสวนของป.ป.ท. ไปยังดีเอสไอนำไปรวบรวมขยายผลอย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้คดีนี้เกิดความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 
ส่วนกรณีมีผู้ร้องให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มเติมหลังจากนี้ จะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของดีเอสไอ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความผิดอาญาทั่วไป หรือความผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ

logoline