svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ตำรวจหิ้วคนร้ายจี้ร้านทอง ย่านบางพลัด ทำแผน

09 กันยายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวคนร้ายจี้ชิงทองร้านทองออโรร่า ย่านบางพลัด ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตรวจสอบประวัติพบเป็นผู้ค้ายารายย่อยในพื้นที่ จ.ชุมพร ส่วนพรรคพวกอีก 5 คนที่ถูกจับกุมได้คาโรงแรม ขณะกำลังจัดปาร์ตี้ยา ตำรวจกำลังเร่งสอบสวนขยายผล ว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

จากกรณีคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนจี้พนักงานขาย ร้านทองออโรร่า ย่านบางพลัด โดยได้ทองรูปพรรณน้ำหนักรวมกว่า 179 บาท มูลค่า 4,060,000 บาท และเงินสดอีก 40,000 บาท หลบหนีไป เหตุเกิดช่วงค่ำของวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ พร้อมกับบุกจังกุมผู้ก่อเหตุได้พร้อมผู้ต้องสงสัย รวม 6 ราย ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านงามวงศ์วาน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดช่วงบ่ายที่ผ่านมา (9 ก.ย.) ที่ร้านทองออโรร่า สาขาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 , พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.น.7 , พ.ต.อ.ปัญญา กุลไทย ผกก.สส.บก.น.7 , พ.ต.อ.วีรศักดิ์ กลั่นเกิด ผกก.สน.บางพลัด


ร่วมกันควบคุมตัวนายอัศวิน หรือเอก บุญเมือง อายุ 44 ปี ชาว จ.ชุมพร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.322/2562 ลงวันที่ 6 กันยายน 2562 กระทำผิดฐาน "ชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อหลบหนี" พร้อมของกลางทองรูปพรรณหนักประมาณ 97 บาท,เงินสด 13,000 บาท , อาวุธปืนกล็อค ขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืน 5 นัด , สิ่งเทียมอาวุธปืน 1 กระบอก, รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าคลิก 125 สีแดง-ดำ และเสื้อผ้าที่สวมใส่วันก่อเหตุ

หลังจับกุมได้ที่โรงแรมอลิซ ซอยงามวงศ์วาน 18 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านทองดังกล่าว

ตำรวจหิ้วคนร้ายจี้ร้านทอง ย่านบางพลัด ทำแผน


พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวว่า จากการสอบถามนายอัศวิน ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวจริง ซึ่งคนร้ายได้เดินทางมาดูลาดเลาที่ร้านทอง ก่อนจะลงมือ่ก่อเหตุ โดยพาผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งกินอาหารที่ร้าน "ข้าน้อยขอชาบู" แล้วจึงทำทีมาดูสร้อยคอทองคำที่ร้าน แต่คนร้ายไม่ได้ซื้อและได้ส่งผู้หญิงกลับไป

ทั้งนี้ เมื่อผู้หญิงที่พามาด้วยกลับไปแล้ว จึงขี่รถจักรยานยนต์ มาจอดเอาไว้บริเวณด้านข้างห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็งธนบุรี จากนั้นจึงเข้าไปลงมือก่อเหตุจี้ทอง โดยใช้อาวุธปืนจี้และถือกระดาษข่มขู่พนักงาน พร้อมกวาดทองรูปพรรณ ก่อนวิ่งออกมาขี่รถจักรยานยนต์ที่เตรียมไว้ ขับหลบหนีมาที่บ้านพักย่านหัวลำโพง เพื่อถอดเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุทิ้งไว้หน้าบ้าน และให้ลูกน้องนำรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งไว้ที่ตลาดคลองเตย พร้อมนำทองไปแลกกับยาเสพติด ก่อนจะนัดพบกันที่โรงแรมดังกล่าว

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้คนร้ายยังอ้างด้วยว่า มีแผนจะนำทองที่ปล้นมาได้ไปใช้หนี้สิน และแลกกับยาเสพติด โดยจะนำทองบางส่วนไปหลอมเพื่อขายเป็นเงิน และนำไปซื้อยาเสพติด ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เพราะยังอยู่ในระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม เนื่องจากนายอัศวิน มีประวัติคดีค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.ชุมพร แต่เป็นเพียงผู้ค้ารายย่อยเท่านั้น


สำหรับการก่อเหตุครั้งนี้ ผู้ต้องหายอมรับว่า เพิ่งลงมือทำเป็นครั้งแรก พร้อมกับระบุว่า ลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว และไม่ได้ร่วมวางแผนกับพวกที่เหลืออีก 5 คน ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมที่โรงแรมฯ พบว่ากลุ่มของผู้ต้องหากำลังปาร์ตี้ยาเสพติดกันอยู่

แต่เมื่อตรวจปัสสาวะนายอัศวิน พบว่าไม่มีสีม่วง จึงไม่ได้แจ้งข้อหายาเสพติด และจากนี้ไปเจ้าหน้าที่ฯ จะสอบปากคำบุคคลอื่นๆ ที่ถูกจับกุมได้อย่างละเอียดอีกครั้ง และจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

logoline