พบว่าความต้องการของผู้บริโภคต้องการการเดินทางอย่างชาญฉลาด หรือ Smart Mobility สามารถเชื่อมต่อการเดินทางในรูปแบบต่างๆ และเป็นการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย พาหนะที่ใช้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งต้องมีราคาที่สมเหตุผล และทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการเดินทางได้อย่างทั่วถึง
อดิศักดิ์ โรหิตะศุน ผู้ทำการแทนผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ ระบุ ในปี 2573 ตั้งเป้าหมายให้ไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ที่สำคัญของภูมิภาค โดยจะมียอดผลิตรถยนต์ปีละ 2.5 ล้านคัน เป็นการผลิตเพื่อขายในประเทศ 1.5 ล้านคัน โดยกระทรวงพลังงานตั้งเป้าให้มีการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทปลั๊กอินไฮบริดหรือ PHEV และรถยนต์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ หรือ BEV รวมกัน 1.2 ล้านคันภายในปี 2579
สำหรับ 5 มาตรการเร่งด่วนเพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย เช่น ปฏิรูปโครงสร้างภาษีที่เกี่ยวข้องกับสินค้ายานยนต์ทั้งระบบ กำหนดสิทธิประโยชน์แก่ผู้บริโภค เพื่อสร้างตลาด ปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการประจุไฟฟ้า การพัฒนาบุคลากรให้พร้อมสำหรับการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ โดยจะเสนอต่อสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมยานยนต์สมัยใหม่ หรือ Smart Mobility อย่างเต็มรูปแบบ
สถาบันยานยนต์คาดว่าในปี 2573 มูลค่าของธุรกิจการผลิตยานยนต์ และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยานยนต์สมัยใหม่ทั่วโลกจะมีมูลค่ารวมถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ประเทศไทยจึงต้องเร่งพัฒนาเพื่อชิงรายได้มหาศาลเข้าประเทศให้ได้มากที่สุด
ธนัญญา นาคเงิน ทีมข่าวเนชั่นทีวีรายงาน